ระนอง-ชุมพร พร้อมรับมือ ทหารพม่า-กะเหรี่ยง ปะทะเดือดชายแดนกระบุรี ชาวบ้านหนีตายข้ามแม่น้ำมาหลบภัยฝั่งไทย
วันที่ 22 ก.พ.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อตอนบ่ายของวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมาได้เกิดการปะทะกันระหว่างกองกำลังทหารเมียนมากับกองกำลังทหารกะเหรี่ยงที่ชายแดนด้าน ต.ปากจั่น อ.กระบุรี จ.ระนอง ชาวเมียนมาจากหมู่บ้านหวายแดง อ.บกเปี้ยน จ.บกเปี้ยน ได้อพยพหนีตายข้ามแม่น้ำกระบุรี เข้ามายัง ฝั่งไทย ในพื้นที่ บ้านหาดตุ่น ม.8 ต.ปากจั่น ซึ่งฝั่งไทยได้ยินเสียงปืนยิงกันสนั่นตลอดช่วงบ่ายของวันที่ 21 ก.พ.66 ที่ผ่านมา และสามารถมองเห็นการสู้รบของทั้ง 2 ฝ่าย ที่มีกำลังทหารเมียนมาจะเข้ามายึดท่าเทียบเรือหวายแดนที่แม่น้ำกระบุรีในฝั่งประเทศเมียนมา โดยมี หน่วย ฉก.ร.25 กกล.เทพสตรีและชุดเฝ้าตรวจชายแดน ตชด.415 จัดวางกำลังเข้มตลอดแนวชายแดน
เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ จ.บกเปี้ยน ภาคตะนาวศรี ซึ่งแยกเป็นจังหวัดใหม่ ออกมาจาก จ.เกาะสอง ประเทศเมียนมา โดยที่หมู่บ้านหวายแดง อ.บกเปี้ยน จ.บกเปี้ยน ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับ บ้านหาดตุ่น คุ้มหวายแดง หมู่ที่ 8 ต.ปากจั่น อ.กระบุรี จ.ระนอง ที่มีแม่น้ำกระบุรีกั้นแนวชายแดนได้เกิดเสียงปืนยิงปะทะกันสนั่นบริเวณท่าเรือบ้านหวายแดง ระหว่างกองกำลังกะเหรี่ยงที่เพิ่งเข้ามาเคลื่อนไหวและควบคุมหมู่บ้านดังกล่าวตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา เป็นระยะเวลาร่วม 3 เดือน
โดยชาวบ้านในพื้นที่แนวชายแดนไทยสามารถถ่ายคลิปเสียยิงปะทะกันต่อเนื่อง มีชาวชาวเมียนมาจากหมู่บ้านหวายแดง อพยพข้ามแม่น้ำกระบุรี หนีตายเข้ามาหลบภัยทางฝั่งไทย จำนวนนับร้อยราย และกระจายตัวกันไปในพื้นที่ 2 ตำบล คือ ต.ปากจั่น และ ต.จปร. อ.กระบุรี จ.ระนอง และมีการปะทะกันถึงเย็นก่อนจะมืด ซึ่งจุดที่ยิงปะทะกันตรงจุดนี้ เป็นกลุ่มกะเหรี่ยงที่มีกำลังประมาณ 150-160 นาย ที่แฝงตัวในหมู่บ้าน และกองกำลังทหารเมียนมา ที่ส่งกำลังมาจากจังหวัดเกาะสอง ไม่ทราบจำนวนสามารถมองเห็นกำลังทหารกะเหรี่ยงที่ใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้ และยึดฐานที่มั่นบริเวณท่าเทียบเรือห้วยแดงเอาไว้ โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงรวมทั้งฝ่ายปกครอง คอยยืนเฝ้าสังเกตการณ์ตามริมแม่น้ำกระบุรี ซึ่งไม่มีกองกำลังฝ่ายใดรวมทั้งกระสุนปืนยิงเข้ามาทางฝั่งไทยI
จากการสอบถามชาวเมียนมาครอบครัวหนึ่ง ที่มีทั้งพ่อ แม่ ผู้พิการนั่งรถเข็น และเด็กๆชาวเมียนมา ซึ่งข้ามหนีตายมายังฝั่งไทย ได้ความว่าหมู่บ้านที่มีการต่อสู้กันคือหมู่บ้านหวายแดง เป็นชื่อเดียวกับคุ้มหวายแดง บ้านหาดตุ่น ม.8 ต.ปากจั่น อ.กระบุรี จ.ระนอง ทางฝั่งไทย โดยมีกองกำลังของกะเหรี่ยงประมาณ 160 นาย ที่เข้ามายึดและเคลื่อนไหวในหมู่บ้าน โดยไม่ทราบกำลังทหารของเมียนมา ที่ยังไม่สามารถเข้ามายึดหมู่บ้านหวายแดงคืนกลับไปได้ ซึ่งทางทหารไทยได้ดูแลตามหลักสิทธิมนุษย์ชน เพื่อความปลอดภัยของประชาชนทั้งสองประเทศ พร้อมตรึงกำลังตลอดแนวชายแดน ไม่ให้กองกำลังใดเข้ามาในประเทศ และไม่ให้กระทบกับพี่น้องประชาชนชาวไทย
ต่อมาได้มีการแจ้งผ่านกำนันและผู้ใหญ่บ้าน ทุกหมู่บ้านในพื้นที่ตำบลปากจั่น เพื่อทราบและถือปฏิบัติ หลังได้ยินเสียงปืนบริเวณบ้านหวายแดงฝั่งประเทศเมียนมา ห้ามประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้อง เข้าไปในบริเวณคุ้มบ้านเจ้าจอกและคุ้มบ้านไทรฮ้อย ห่างจากชายแดน100เมตร จึงขอให้ท่านแจ้งประชาชนห้ามเข้าใกล้บริเวณดังกล่าวและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
โดยก่อนหน้าหนึ่งสัปดาห์ ประชาชนชาว จ.ปกเปี้ยน ประเทศเมียนมา ได้เริ่มมีการอพยพกันมาอาศัยอยู่ตามชายแดนริมแม่น้ำกระบุรี เพื่อเตรียมความพร้อมหนีภัยสงคราม เพราะเกิดความหวาดกลัวจะเกิดการสู้รบปะทะกันระหว่างกองกำลังกะเหรี่ยงที่เข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ เนื่องจากทราบข่าวว่าทหารเมียนมากำลังเคลื่อนย้ายกำลังเข้ามาในหมู่บ้านที่กะเหรี่ยงยึดครอง ซึ่งอาจเกิดการปะทะกันในเร็วๆนี้ จึงหลบหนีออกจากหมู่บ้านของตนมาอยู่บริเวณแนวชายแดนประเทศเมียนมาฝั่งตรงข้าม อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง
ทั้งนี้ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 15-16 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา พลตรีวรเดช เดชรักษา ผู้บัญชาการกองกำลังเทพสตรี พร้อมด้วย พันเอกภูมิพัฒน์ บุญเรืองขาว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 ได้เดินทางลงพื้นที่ ลาดตระเวนตลอดแนวชายแดนไทย ด้านอำเภอกระบุรี จ.ระนอง และอำเภอท่าแซะ จ.ชุมพร ซึ่งมีเขตแดนติดกับประะทศเมียนมา ทั้งทางอากาศ ทางทะเล และทางบก พร้อมได้ปรับแผนและยกระดับเพิ่มความเข้มงวดในการลาดตระเวนพื้นที่ 24 ช.ม. การเฝ้าตรวจช่องทางท่าข้ามที่ลุยข้าม การตั้งจุดตรวจจุดสกัด การปิดกั้นช่องทางที่ไม่ถูกกฎหมาย รวมทั้งการประชาสัมพันธ์ประชาชนไม่ให้มีการลักลอบผ่าน เข้า – ออก ตามแนวชายแดนเป็นอันขาด รวมทั้งหาพื้นที่รองรับผู้ลี้ภัย หากเกิดสถานการณ์ไม่สงบ ซึ้งทางกองกำลังเทพสตรีได้จัดเตรียมแผนป้องกันเป็นที้รียบร้อยแล้ว