จับแก๊งค้าสัตว์ป่าชำแหละ “ตัวเหี้ย” ส่งโรงงานลูกผลิตชิ้นและร้านอาหารทำเมนูเปิบพิสดาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปทส.,เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปทส. พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ สำนักงานสนับสนุน การป้องกันและปราบปรามที่ 1 (ภาคกลาง) กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกันเข้าทำการตรวจค้นบ้านเลขที่ 274 หมู่ที่ 12 ตำบลบ้านโข้ง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี พบนายมนต์ อายุ 73 ปี รับเป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว
ผลการตรวจค้นพบสัตว์ป่าคุ้มครองจำพวกสัตว์เลื้อยคลาน จำนวน 4 ชนิด ได้แก่ ตัวเหี้ยที่ยังมีชีวิตอยู่ในถุง จำนวน 32 ตัว ซากตัวเหี้ยวางกองอยู่กับพื้นและอยู่ในกะละมัง จำนวน 59 ซาก, เต่านาจำนวน 20 ตัว, เต่าหับจำนวน 2 ตัว และเต่าดำ จำนวน 6 ตัว อยู่ในโอ่งมังกร จำนวน 4 ใบ และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ร่วม 6 คน ที่กำลังนั่งจับกลุ่มเพื่อทำการชำแหละตัวเหี้ย เพื่อส่งร้านอาหารที่ลักลอบทำเมนูเปิบพิสดาร
สอบถามนายมนต์ให้การรับว่า ตัวเงินตัวทองและเต่าที่พบเป็นของตนจริง โดยได้รับซื้อมาจากชาวบ้านอีกทีหนึ่ง เพื่อทำการแปรรูปแล้วจำหน่ายให้กับนายประสิทธิ์ อายุ 67 ปี พ่อค้าที่มารับซื้อ ได้มานั่งรออยู่ พื่อรอรับของนำไปจำหน่ายต่อและยังได้พบกลุ่มบุคคลที่มารับจ้างชำแหละแปรรูป 5 คน บุคคลทั้ง 5 คน ที่ตรวจพบกำลังนั่งจับกลุ่มเพื่อทำการชำแหละตัวเงินตัวทอง เจ้าหน้าที่ได้สอบถามแล้วได้ความว่า ได้มารับจ้างจากนายมนต์ เพื่อชำแหละตัวเงินตัวทองได้รับค่าจ้างวันละ 300 บาท โดยไม่ทราบว่าสัตว์ดังกล่าวเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่มีไว้เป็นความผิดและได้มาถูกต้องหรือไม่อย่างไร กลุ่มของตนเองเป็นแค่เพียงผู้รับจ้างเท่านั้น
ส่วนนายประสิทธิ์ ให้การรับว่า เป็นเพียงผู้มารับซื้อซากตัวเงินตัวทองที่ได้ทำการชำแหละแล้ว 59 ตัวเท่านั้น เพื่อนำไปจำหน่ายต่อ โดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวเงินตัวทองที่ยังมีชีวิตอยู่และเต่าจำนวนดังกล่าว
จากการตรวจสอบผู้ต้องหาทั้งหมดไม่มีเอกสารหลักฐานการได้รับอนุญาตครอบครองหรือเพาะพันธุ์สัตว์ป่าแต่อย่างใด จึงได้จับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.อู่ทอง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนของกลางทั้งหมดได้ส่งมอบให้กับเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี เพื่อดำเนินการตามระเบียบต่อไป
การกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 มาตรา 17 ประกอบมาตรา 92 ข้อหา “ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซี่งสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ มาตรา 29 ประกอบมาตรา 89 ข้อหา “ร่วมกันค้าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ล่าสุดได้มีการขยายผลร่วมกับตำรวจ บก.ปทส.จนพบว่ามีการส่งขายเนื้อตัวเงินตัวทองให้กับโรงงานทำลูกชิ้นแห่งหนึ่ง และเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบแล้วพบว่ามีโรงงานลูกชิ้นทำจากเนื้อตัวเงินตัวทอง ที่ส่งขายในหลาย จ.สุพรรณบุรี และต่างจังหวัด.