ใต้ลอบวางระเบิดขบวนรถคณะรองแม่ทัพภาค4 ทหารเสียชีวิต 2 บาดเจ็บ 1 นาย
เมื่อเวลา 15.10 น. วันที่ 3 มีนาคม 2566 ร.ต.ท.ศุภฤกษ์ จำเริญนุสิต รอง สว.(สอบสวน)สภ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดรถยนต์ของคณะ พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ รองแม่ทัพภาค 4 และ รอง ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า บริเวณถนนบ้านไอร์กาแซ ม.6 ต.ศรีสาคร ซึ่งห่างจากฐานประมาณ 800 เมตร จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ภัควัฒน์ วันสนุก ผกก.สภ.ศรีสาคร และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหารจำนวนหนึ่ง รุดเดินทางไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบหลุมระเบิดบริเวณกลางถนนลึก 1 เมตร กว้าง 2 เมตร และมีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สหุ้งต้ม หนัก 50 กิโลกรัม ตกกระจายเกลื่อนพื้นถนนและพงหญ้ารกทึบริมทาง และที่บริเวณริมถนนพบสายไฟฟ้าจำนวนหนึ่งลากยาวเข้าไปในป่ารกทึบ ประมาณ 100 เมตร
ห่างจากหลุมระเบิดไปประมาณ 30 เมตร พบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าฟอร์จูเนอร์สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งเป็นรถของหน่วยชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิดอโณทัย ที่ได้มีการดัดแปลงติดตั้งอุปกรณ์ตัดสัญญาณอยู่ในสภาพหงายท้องล้อชี้ฟ้า ตัวถังถูกอนุภาพของระเบิดได้รับความเสียหายเกือบทั้งคัน ภายในรถมีผู้เสียชีวิตติดซากรถ จำนวน 2 นาย 1. พ.ต.ลิขิต วิทยประภารัตน์ หัวหน้าชุด สังกัดพัน สพ.กระสุน 21 บชร.1 นอนเสียชีวิตอยู่เบาะหน้าข้างพลขับ 2. จ.ส.อ.อิสระ เลิกนอก พลขับ สังกัดพัน สบร.21 บชร.1
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บคือ ส.อ.ศักย์ศรณ์ สายน้ำ สังกัด มทบ.43 มีเพื่อนทหารได้นำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลศรีสาครไปก่อนหน้าแล้ว หลังแพทย์ทำการปฐมพยาบาลในเบื้องต้น ได้ส่งตัวรักษาต่อที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ เจ้าหน้าที่จึงได้ช่วยกันนำร่างผู้เสียชีวิตส่งโรงพยาบาลศรีสาคร เพื่อให้แพทย์ทำการชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้ง
จากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุ พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ รองแม่ทัพภาค 4 และ รอง ผอ.กร.รมย.ภาค4 ส่วนหน้า ได้เดินทางด้วยรถยนต์ไปติดตามเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามและขว้างระเบิดไปป์บอมบ์ใส่ฐานปฏิบัติการ กองร้อย ทพ.ที่ 4906 ซึ่งตั้งอยู่บ้านไอร์กาแซ ม.6 ต.ศรีสาคร เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา เมื่อแล้วเสร็จ พล.ต.ไพศาล รองแม่ทัพภาค 4 ได้นั่งรถยนต์เพื่อเดินทางกลับ โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิดอโณทัย นำขบวน
รถนำขบวนคันแรกเป็นรถยนต์ตู้สีขาวยี่ห้อโตโยต้า ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน คันที่ 2 เป็นรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นเฟอร์จูเนอร์สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ทั้ง 2 คัน ได้ดัดแปลงติดตั้งเครื่องตัดสัญญาณ และคันที่ 3 เป็นรถยนต์ที่ พล.ต.ไพศาล รองแม่ทัพภาค 4 นั่ง และคันที่ 4 เป็นรถยนต์เจ้าหน้าที่ทหารทำหน้าที่ชุดคอบเวอร์ รองแม่ทัพภาค 4 ขับตามไล่หลังมาเป็นขบวน
ขณะมาถึงจุดเกิดเหตุได้มีคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนใช้แบตเตอร์รี่ที่ลากสายไฟฟ้ายาวเข้าไปในป่าประมาณ 100 เมตร จุดชนวนระเบิดที่ประกอบใส่ไว้ในถ้งแก๊สหุ้งต้มหนัก 50 กิโลกรัม ที่คนร้ายนำไปฝังไว้ใต้ผิวถนน จนเกิดระเบิดขึ้นในขณะรถยนต์คันที่ 2 วิ่งผ่าน และถูกแรงของระเบิดกระเด็นลอยเหนือผิวถนนพร้อมพลิกคว่ำ 3-4 ตลบ ไปตกอยู่ริมถนนห่างจุดระเบิดประมาณ 30 เมตร มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว
