แม่เดือดร้องสื่อโชว์คลิปถูกสองนักเลงประจำหมู่บ้านกร่างอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ ตบศีรษะใช้ปืนขู่ลูกชายวัย 14 ปี ขณะยืนซื้อของในร้านค้า บังคับขอตรวจเยี่ยวจะพาไปโรงพัก โชคดีญาติเห็นตะโกนให้คนช่วย แม่ขึ้นโรงพักแจ้งเอาผิดแต่ตำรวจให้ไกล่เกลี่ยกันเอง
วันที่ 18 มี.ค.66 นางสาววาสนา อายุ 39 ปี ได้นำหลักฐานเป็นคลิปกล้องวงจรปิดภายในร้านค้าแห่งหนึ่ง อยู่พื้นที่หมู่ 4 ตำบลเขาค่าย อ.สวี จ.ชุมพร ร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าวว่าเมื่อช่วงเวลาประมาณ 20.30 น.ของวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ ขณะที่ลูกชายตน อายุ 14 ปี ได้ขับรถจักรยานยนต์ไปซื้อสินค้าภายในร้านใกล้บ้าน ขณะรอเตรียมจ่ายเงินค่าสินค้ามี นายพัชรพล อายุ 39 ปี สวมชุดดำผ้าขาวม้าคาดสะเอว สวมหมวกแก๊ปสีดำคาดไฟฉาย ได้เข้ามาพูดทักทายพร้อมกับใใช้มือตบไปที่ศีรษะอย่างแรงจนหัวขมำ พร้อมกับพูดจาลักษณะว่า ” หยอกล้อเล่นไม่ได้เลยหรอ พ่อมึงกูยังตบ ” โดยที่ลูกชายตนไม่ได้ตอบโต้ใด ๆ ตามที่เห็นทั้งภาพทั้งเสียงในคลิปวงจรปิด และไม่ได้พูดคุยโตเถียงด้วยเลย.
นางสาววาสนา เล่าต่อว่าต่อมาได้มีชายคนหนึ่งทราบชื่อต่อมาคือ นายณรงค์ อายุประมาณกว่า 40 ปี สวมเสื้อยืดแขนสั้นคอกลมสีเขียวขี้ม้า ใส่กางเกงขายาวลายพรางสีเขียว เดินถือปืนลูกซองยาวเข้ามาสมทบ ซึ่งทราบว่าชายทั้งสองคนเป็นเพื่อนกัน และขับขี่รถจักยานยนต์มาด้วยกัน โดยลูกชายวัย 14 ของตนพยายามเดินหนี แต่ถูกชายทั้งสองคนดึงฉุดตัวไว้ ส่วนชายที่ถือปืนได้โชว์บัตรที่ห้อยคอให้ดูพร้อมกับอ้างว่านี่เจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งพูดว่าเอาไปตรวจเยี่ยวที่โรงพัก ระหว่างนั้นชายที่ถือปืนได้ใช้วิทยุสื่อสารพูดว่า ว.2 เรียก 01 ซึ่งเสียงในกล้องวงจรปิดบันทึกภาพและเสียงไว้ได้อย่างชัดเจน จากนั้นลูกชายตนได้พยายามเดินออกนอกร้านโดยมีชายทั้งสองคนเดินประกบ
ขณะเดียวกันได้มีญาติกันเป็นผู้หญิงที่ยืนอยู่หน้าร้านค้าเห็นเหตุการณ์ พร้อมกับบอกชายทั้งสองคนว่าจะพาลูกชายตนไปโรงพักไม่ได้ เพราะไม่ได้ทำอะไรผิดยังไงก็ไม่ยอม พร้อมทั้งตะโกนให้ญาติๆที่อยู่หน้าร้านค้าใกล้ที่เกิดเหตุเข้ามาช่วยเพราะรู้ว่าชายที่ถือปืนไม่ใช่ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐแต่อย่างใด ทำให้ชายทั้งสองคนไม่กล้าทำอะไรเดินถอยออกไป พร้อมกับบอกว่าไม่อยากมีเรื่อง
น.ส.วาสนา แม่ของเด็กเปิดเผยว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่รุนแรงและเกินกว่าเหตุ เพราะลูกชายตนยังเป็นเด็ก ไม่สมควรถือปืนมาขู่เด็ก ลูกชายตนไม่มีความผิดอะไร หลังเกิดเหตุวันแรกตนได้เดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ที่โรงพัก สภ.นาสัก แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้รับแจ้งความ เพียงแต่เขียนด้วยลายมือลงในกระดาษ A4 และเจ้าหน้าที่ตำรวจยังบอกด้วยว่าว่าสองคนนี้สร้างเรื่องมาหลายเรื่องหลายคดีแล้ว ชี้ให้ดำเนินคดีจนถึงที่สุด
น.ส.วาสนา กล่าวว่าหลังจากนั้นผ่านไปอีกวันทางตำรวจนัดให้เจรจากันและให้ทางผู้เสียหายยอมความ ซึ่งก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไรและเกิดอะไรขึ้น และทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้รับแจ้งความหรือทำบันทึกใด ๆทั้งสิ้น ตนรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งผู้ก่อเหตุนั้นเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกันและอยู่ใกล้กัน ทั้งสองคนนี้มักจะสร้างเรื่องไว้หลายเรื่อง ไม่ใช่เมีฉพาะเรื่องของลูกตน แต่ทำอะไรผู้ก่อเหตุทั้งสองคนไม่ได้ เคยไปยิงขู่คนแก่ด้วย มีงานประเพณีในชุมชนในหมู่บ้านก็จะไปมีเรื่องจนทำให้งานล่ม จนชาวบ้านเกิดความกลัวไม่กล้าออกจากบ้านไปทำสวนรดน้ำทุเรียนในช่วงค่ำคืน
ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)เขาค่าย บอกว่าตนเคยถูกชายที่แต่งชุดคล้ายทหารที่ถือปืนในภาพกล้องวงจรปิดใช้ปืนข่มขู่ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา ขณะกำลังอำนวยความสะดวกการจราจรในงานทำบุญกระดูกของคนในหมู่บ้าน ซึ่งชายคนดังงกล่าวขับรถ จยย.ผ่านมาขณะตนส่งสัญญาณให้หยุดเพื่อให้รถยนต์ผ่านไปก่อน ทำให้เขาไม่พอใจและต่อว่าห้ามไม่ให้รถเขาผ่านเลยหรือ หลังจากนั้นเขาขับกลับวนมาอีกรอบแล้วเอาปืนกระบอกเดียวกับในภาพวงจรปิดมาจี้หลังตนเลย
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง สภ.นาสัก ขอพบพนักงานสอบสวน เพื่อสอบถามความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีดังกล่าว แต่ไม่พบ จึงได้โทรศัพท์สอบถาม โดยพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีชี้แจงว่า หลังเกิดเหตุจากก็ได้เรียกให้ผู้เสียหายและผู้ก่อเหตุมาพูดคุยเจรจากันแล้ว คิดว่าได้ไกล่เกลี่ยพูดคุยกันด้วยดีแล้ว และนายณรงค์ชายที่ถือปืนลูกซองไม่ได้เป็นตำรวจ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับสภ.นาสัก แต่อย่างใด ถ้าผู้เสียหายไม่ยอมก็จะดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.