โค้งสุดท้าย “หัวหน้ากรณ์-ขุนคลังโลก” ลงพื้นที่หาเสียงชุมพรทำสถิติสูงสุด 6 ครั้ง มากสุดกว่าพรรคใด “ทนายลิขิต” ขอเป็น ส.ส.เซเว่น 24 ชั่วโมง
ส่วนกรณ์หัวหน้าพรรคขอเข้าไปแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เผยพลังงาน น้ำมัน ไฟฟ้า ราคาแพง เพราะถูกกลุ่มทุนใหญ่ผูกขาด พร้อมยืนยันไม่ยกเลิก ม.112 แต่เสนอตั้งคณะกรรมการแห่งชาติดูแลป้องกันถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 17.00 น. – 21.00 น. วันที่ 12 พ.ค.66 ณ ที่ทำการพรรคชาติพัฒนากล้า เขต 2 สาขาท่าแซะ ใกล้กับตลาดอำเภอท่าแซะ จ.ชุมพร นายลิขิต ศรีชาติ “ทนายลิขิต” ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 หมายเลข 6 หนึ่งในตัวชิง ได้จัดเวทีปราศรัยหาเสียงช่วงโค้งสุดท้าย โดยมี นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค เจ้าของฉายา “ขุนคลังโลก” สมัยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง ได้เดินทางมาพบปะปราศรัยหาเสียง โดยมีชาวบ้านมาร่วมฟังการปราศรัยจนแน่นลานดินจนล้นออกมาหน้าถนนจำนวนร่วมหมื่นคน
สำหรับพรรคชาติพัฒนากล้าได้ส่งผู้สมัคร ส.ส.ลงสมัครเลือกตั้งในพื้นที่จังหวัดชุมพร เขต 2 เพียงเขตเดียวจาก ทั้งหมด 3 เขตเลือกตั้ง โดยนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ได้เดินทางมาหาเสียงพบปะกับชาวบ้าน ผู้ประกอบการ ทุกสาขาอาชีพ ในพื้นที่เขต 2 ของจังหวัดชุมพร ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 6 ซึ่งถือว่ามากกว่าหัวหน้าพรรคอื่นทั้งหมดที่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งใน จ.ชุมพร
โดยก่อนขึ้นเวทีปราศรัย นายกรณ์ จาติกวณิชย์ ได้ขึ้นรถยนต์ปราศรัยแห่ไปรอบ ๆตัวเมืองอำเภอท่าแซะ และเดินเข้าไปพบกับชาวบ้านตามชุมชน และย่านการค้า ซึ่งชาวบ้านที่เห็นนายกรณ์เข้ามาพบปะพูดคุยถึงบ้าน ได้ให้การต้อนรับด้วยความตื่นเต้นดีใจและขอถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก
กระทั่งมาขึ้นเวทีปราศรัย โดยมีนายลิขิต ศรีชาติ “ทนายลิขิต” และนายอุชา ดีบุก “สจ.ชา” อดีต ส.อบจ.ชุมพร หลายสมัย ผู้ช่วยหาเสียง ได้ขึ้นเวทีปราศรัยแนะนำตัวก่อนพร้อมกับเล่าประวัติการทำงานบนเส้นทางการเมืองของ “ทนายลิขิต” มานานกว่า 19 ปี ที่เป็น นายก อบต.หินแก้ว ส.อบจ.ชุมพร และรองนายก อบจ.ชุมพร ได้ใช้วิชาชีพทนายความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม มีฐานะยากจนเดือดร้อนทางคดีความ ปัญหาที่ดินทำกินมาโดยตลอด พร้อมกับบอกว่าหากตนเองได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. นอกจากทำหน้าที่ในสภาแล้วตนจะแต่งตั้งผู้ช่วย ส.ส.และผู้ช่วยดำเนินการ ผู้เชี่ยวชาญประจำตัว ให้ครบตามจำนวน 8 คน จะไม่ตั้งแบบนอมีนีแล้วรับเงินเดือนร่วมแสนบาทเข้ากระเป๋าตนเองเหมือนกับบางคน เพื่อต้องการให้ผู้ช่วยดำเนินการ ผู้เชี่ยวชาญประจำตัว ได้ทำหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทั่วถึงตลอด 24 ชั่วโมง
ต่อมา นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ได้ขึ้นเวทีปราศรัย กล่าวถึงนโยบายพรรค ปัญหาความขัดแย้งของคนไทยที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยพรรคกล้าได้หาเสียงไม่กล่าวโจมตีใครเพื่อให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองขึ้นมาอีก จะขอพูดแต่เรื่องการพัฒนา เรื่องเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชนคนในชาติเท่านั้น
นายกรณ์กล่าวว่า ปัญหาพลังงานเชื้อเพลง ค่าไฟฟ้าราคาแพง เกิดจากมีกลุ่มทุนเข้าไปผู้ขาด ทั้งการรับซื้อไฟฟ้าสำรองเกินความจำเป็น ที่ผู้ผลิตขายเป็นนายทุนผูกขาดอยู่ไม่กี่ราย และกลุ่มทุนพลังงงานเชื้อเพลิง ที่ทำให้น้ำมันราคาแพง เนื่องจากประเทศไทยมีกลุ่มทุนผู้ขาดจากโรงงานกลั่นอยู่เพียง 6 ราย หากพรรคชาติพัฒนากล้าได้เข้าไปเป็น ส.ส.ทำหน้าที่ในสภาฯ จะต้องได้รับการแก้ไขปัญหาเหล่านี้
นายกรณ์กล่าวถึงกฎหมายมาตรา 112 ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่สื่อหลักมักชอบตั้งคำถามบนเวทีดีเบตว่าเห็นด้วยหรือไม่อย่างไร ซึ่งตนขอยืนยันว่าไม่เห็นด้วยที่จะยกเลิกกฎหมายมาตรานี้ เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ ถือเป็นสถาบันหลักของชาติและประชาชน แต่พรรคตนได้เสนอทางออกในเรื่องนี้ต่อรัฐบาล ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ทราบแล้วคือ ให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการแห่งชาติ ขึ้นมากลั่นกรองเรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวกับการละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ ก่อนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ว่าเรื่องไหนเข้าข่ายความผิดหรือไม่เข้าอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดการกลั่นแกล้งกันทางการเมือง เพราะจะทำให้ผู้ที่ถูกดำเนินคดีทางกฎหมายเกิดความเดือดร้อน.