แล้งหนัก ฝนเทียมก็ไม่มี เจ้าของสวนน้ำตาร่วงทุเรียนแห้งยืนต้นตายเกลี้ยงกว่า 300 ต้น เสียหายนับล้าน
วันที่ 17 พ.ค.66 ชุมพรประสบภัยแล้งหนัก ฝนไม่ตกนานกว่า 2 เดือน อากาศร้อนจัด ส่งผลให้เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจหลัก ในอำเภอสวี ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ลำคลองน้ำแห้งขอด ทุเรียนยืนต้นตายกว่า 300 ต้น เสียหายนับล้านบาท
นางเพ็ญพร พันธุ์มณี อายุ 58 ปี ชาวเกษตรกรปลูกทุเรียนในพื้นที่ตำบลทุ่งระยะ อ.สวี จ.ชุมพร หนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งอย่างหนักกว่าทุกปีที่ผ่านมา ทำให้ทุเรียนพันธุ์หมอนทองบนเนื้อที่ 16 ไร่ ที่ปลูกไว้อายุกว่า 2 ปี ที่กำลังเติบโต จำนวน 310 ต้น ที่อีกราวปีกว่า จะออกผลผลิต สร้างรายได้ให้กับครอบครัว กำลังยืนต้นตายทั้งหมด บางต้นมีสภาพต้นแห้งใบแห้งร่วงเหลือแต่กิ่ง บางต้นใบเริ่มเป็นสีเหลืองส่วนยอดบนแห้งตาย ใบเริ่มร่วง
นางเพ็ญพรเจ้าของสวนทุเรียนเปิดเผยว่า ฝนแล้งทิ้งช่วงห่างมานานกว่า 2 เดือนแล้ว บางวันมีก้อนเมฆลอยปกคลุมมืดครึ้มเหมือนฝนจะตกแต่ก็ฝนไม่ตก ตอนนี้เดือดร้อนหนักมากทุเรียนพันธุ์หมอนทองที่ปลูกไว้ทยอยแห้งตายทั้งหมด ตนมีสระน้ำอยู่ 4 สระ กระจายอยู่ 4 จุด สูบรดน้ำวันละ 1 ครั้งๆละแค่ 10 นาที เฉพาะในช่วงเย็นเท่านั้นน้ำน้ำในสระไม่เพียงพอ เพราะความแห้งแล้งทำให้น้ำในสระทุกสระแห้งเหลืออยู่เพียงก้นสระเท่านั้น ทำให้ต้นทุเรียนอายุกว่า 2 ปี จำนวน 310 ต้น ขาดน้ำ ทยอยยืนต้นใต้เกือบหมดแล้ว ซึ่งภายใน 3 วันนี้ หากฝนยังไม่ตก ทุเรียนที่กำลังจะตายคงไม่รอดแม้แต่ต้นเดียว จึงขอวิงวอนอยากให้หน่วยงานภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือดูแลหน่อยเพราะต้นหมดปัญญาแล้ว
นางเพ็ญพร กล่าวด้วยความรู้สึกเสียใจจนน้ำตาไหลว่าทุกปีหน้าแล้งจะมีฝนเทียมแต่ปีนี้ไม่เห็นมีฝนเทียมเลย ไม่มีข่าวว่าจะทำฝนเทียมเลย ทุเรียนที่ยืนต้นตายขณะนี้มีมูลค่าความเสียหายรวมในเนื้อที่ 16 ไร่ เป็นเงินประเมาณ 1,500,000 บาท คนทำสวนนั้นเหนื่อยมากแล้วต้องมาเจอกับวิกฤติฝนแล้งไม่มีน้ำใช้ ทำให้ความหวังอีก 2 ปีข้างหน้าจะได้เก็บผลผลิตแต่กลับสิ้นหวัง แถมยงเป็นหนี้สินอีก ได้รันทดจิตใจต้องยืนมองต้นทุเรียนที่ปลูกมากับมือแห้งเฉาตายไปต่อหน้าต่อตา.