“ฝึกอย่างที่จะรบ เมื่อรบต้องชนะ”ลงพื้นที่ตรวจภูมิประเทศเตรียมทำเเผนการฝึกป้องกันประเทศ หน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็วกองทัพบก RDF กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ ในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 4
เมื่อวันที่ 16-17 พฤษภาคม 2566 ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 เป็นประธานในการประชุมบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ เเละเเผนเผชิญเหตุของหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 เพื่อสนับสนุนและเตรียมการฝึก TEWT (Tactical Exercises without Troops) หน่วยพร้อมรบเครื่อนที่เร็วกองทัพบก RDF (Rapid Deployment Force) ของกรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ ในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 4 (พื้นที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25)
โดยใช้พื้นที่บริเวณเนิน 491 ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร มีการบรรยายสรุปสถานการณ์ด้านการข่าว รวมถึงบรรยายภารกิจของหน่วยเพื่อรับทราบข้อมูล พร้อมทั้งได้ร่วมหารือและตอบข้อซักถามต่างๆ โดยมีคณะสังเกตการณ์จากศูนย์การทหารราบ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม กองบังคับการกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 25 ค่ายเขตอุดมศักดิ์ อ.เมือง จ.ชุมพร
ต่อมาทางผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 นำคณะฯ ลงพื้นที่ตรวจภูมิประเทศทั้งทางบกและทางอากาศ ในพื้นที่เนิน 491 ตำบลรับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เพื่อจัดเตรียมทำแผนข้อมูลในการกำหนดพื้นที่และปัญหาในการฝึกของหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็วฯ พร้อมประชุมรับฟังบรรยายสรุปจาก ชุดเฝ้าตรวจชายแดนที่ 4102 (ช่องหินดาด) และร่วมหารือตอบข้อซักถามปัญหาเกี่ยวกับสถานการณ์ต่างๆภายในพื้นที่ของหน่วย
สำหรับการเตรียมภารกิจการฝึกของหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็วของกองทัพบก คือการเคลื่อนย้ายกำลังพล และยุทโธปกรณ์ในพื้นที่ไปยังที่รวมพลขั้นสุดท้าย ที่อยู่ใกล้พื้นที่อิทธิพลและมีความเสี่ยงต่อการถูกซุ่มโจมตีจากกำลังฝ่ายตรงข้าม ทำให้ต้องเป็นการปฏิบัติในภารกิจเคลื่อนย้ายกำลังทางยุทธวิธี โดยจะมีการจัดส่วนระวังป้องกันอย่างสูงสุดในขบวนเคลื่อนย้าย และนี่เป็นอีกขั้นตอนหนึ่งที่ท้าทายของการฝึกเป็นหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็วของกองทัพบก
โดยได้ทำการฝึก ทั้งการตรวจสภาพความพร้อมรบ การเคลื่อนย้ายกำลังเข้าสู่พื้นที่ก่อกำลัง การวางแผนและการซักซ้อม จนมาถึงการเตรียมเคลื่อนย้ายเข้าที่รวมพลขั้นสุดท้ายเข้าสู่พื้นที่การรบ เพื่อทำการรบด้วยความห้าวหาญโดยไม่ต้องส่งกำลังบำรุงได้ถึง 72 ชั่วโมง สิ่งต่างๆเหล่านี้ที่หน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็วได้แสดงให้เห็นตลอดห้วงการฝึกที่ผ่านมา คือ การมีวินัยของกำลังพล และความเป็นทหารอาชีพ ตลอดจนการปฏิบัติตามนโยบายของกองทัพบกที่ได้ให้ไว้ทุกประการ เป็นการยืนยันความพร้อมที่จะสนองตอบกับภารกิจที่ได้ให้กับกองทัพบกในอนาคต เพื่อประกันการดำรงไว้ซึ่งอำนาจอธิปไตยของชาติไทยตลอดไป.
