ตั้งศูนย์อำนวยการฝนหลวง ช่วยจังหวัดชุมพร ประสบวิกฤติภัยแล้งรุนแรง ทุเรียนขาดน้ำทะยอยยืนต้นตายเสียหายแล้วกว่า 100 ล้าน
จังหวัดชุมพรประสบภัยแล้งขั้นวิกฤติ หลังไม่ตกฝนทิ้งช่วงนานกว่า 3 เดือน อากาศร้อนจัด น้ำในลำคลองแห้งขอด แม้แต่ในสระน้ำของเกษตรกรก็ไม่มีเหลือ จนถึงขณะนี้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง พืชผลทางการเกษตรเสียหาย โดยเฉพาะทุเรียนที่ขาดน้ำมานานต่อเนื่อง ทำให้ผลร่วง ใบแห้ง ทยอยยืนต้นตายเป็นจำมากกว่า มีความเสียหายมากกว่า 100 ล้านบาทแล้ว
สำหรับจังหวัดชุมพรมีพื้นที่ทั้งหมด 3.75 ล้านไร่ เป็นพื้นที่การเกษตร 2.56 ล้านไร่ เป็นแหล่งผลิตไม้ผลที่มีชื่อเสียงของประเทศ โดยเฉพาะทุเรียน มังคุด และเป็นศูนย์กลางการตลาดทุเรียนของภาคใต้ ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดชุมพร ในปี 2563 มีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาประจำปีเท่ากับ 125,364 ล้านบาท เป็นลำดับที่ 5 ของภาคใต้ และลำดับที่ 23 ของประเทศ มีการผลิตภาคเกษตรเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัด โดยเฉพาะการผลิตทุเรียน ปาล์มน้ำมันและยางพารา มูลค่าผลิตภัณฑ์จังหวัดต่อหัวเท่ากับ 250,823 บาทต่อคนต่อปี เป็นลำดับที่ 1 ของภาคใต้ และลำดับที่ 12 ของประเทศ
จังหวัดชุมพรมีแหล่งน้ำธรรมชาติที่สำคัญแยกตามลุ่มน้ำได้ 5 ลุ่มน้ำ ได้แก่ ลุ่มน้ำคลองท่าตะเภา ลุ่มน้ำคลองชุมพร ลุ่มน้ำคลองสวี-คลองตะโก ลุ่มน้ำคลองหลังสวน ลุ่มน้ำคลองละแม มีพื้นที่ในเขตชลประทานรวม 226,635 ไร่ ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจังหวัดชุมพร ไม่เคยประสบปัญหาฝนทิ้งช่วงนานหรือประสบภัยแล้งที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของราษฎรในจังหวัด แต่ในปี 2566 นี้ จังหวัดชุมพรได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ จากปรากฏการณ์เอลนิโญ่ ส่งผลให้เกิดสถานการณ์ฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานานในหลายพื้นที่ของจังหวัด จนเกิดความแห้งแล้งในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรและประชาชนทุกกลุ่มอาชีพเป็นวงกว้าง
ด้านสำนักงานเกษตรจังหวัดชุมพร รายงานว่า มีพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งในปี 2566 จำนวน 261,296 ไร่ คาดว่าจะเสียหายจำนวน 69,831 ไร่ และหากสถานการณ์ฝนทิ้งช่วงยังคงดำเนินต่อไปคาดว่าพื้นที่การเกษตรจะยิ่งได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง
ด้าน นายวิสาห์ พูลศิริรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร กล่าวว่าจากปัญหาฝนทิ้งช่วงนานจนเกิดภาวะภัยแล้งส่งผลกระทบในทุกพื้นที่ของจังหวัดชุมพร ตนจึงได้ประสานไปยังอดิบดีกรมฝนหลวง เพื่อปฎิบัติการฝนหลวงขึ้นที่จังหวัดชุมพร ซึ่งท่านได้มอบหมายให้ นายสินชัย พึ่งตำบล ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคใต้ เข้ามาดำเนินการตั้งศูนย์อำนวยการฝนหลวงที่ท่าอากาศยานชุมพร ตำบลชุมโค อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร เพื่อปฏิบัติการฝนหลวงในพื้นที่จังหวัดชุมพร
“โดยจะเริ่มบินตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป ใช้เครื่องบิ 2 ลำ และจะทำจนกว่าจังหวัดชุมพรจะพ้นวิกฤตภัยแล้ง ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้ดำเนินการอยู่แล้ว แต่ใช้เครื่องของหน่วยทหารที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และหน่วยที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเมื่อขึ้นปฎิบัติการแต่ละครั้งจะต้องไปกลับและเดิมสารขึ้นทำฝนหลวงในพื้นที่ตั้งของหน่วยทำให้เสียเวลา” นายวิสากล่าว
นายสินชัย พึ่งตำบล ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคใต้ กล่าวว่าการทำฝนหลวงหรือฝนเทียมนั้นมีปัจจัยองค์ประกอบหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นความชื้น กำลังลม และข้อจำกัดของพื้นที่โดยเฉพาะจังหวัดประจวบคีรีขันธ์และจังหวัดชุมพร ซึ่งเป็นพื้นที่แคบ เมื่อทำฝนเทียมแล้วคนชอบพูดว่าฝนไปตกในทะเลหมด ซึ่งก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง เราจึงต้องมีการวางแผนอย่างรัดกุมเพื่อทำให้ฝนตกในพื้นที่ให้ได้ เพื่อท้องฟ้าจะได้มีความชื้น และจะทำฝนเทียมง่ายขึ้นในวันต่อๆไปด้วย
นายสินชัยกล่าวถึงห้วงระยะเวลาในการทำฝนเทียมว่า ได้รับมอบหมายจากท่านผู้ว่าราชการจังหวัดและอธิบบดีกรมฝนหลวงว่าให้อยู่ปฏิบัติการทำฝนหลวงจนกว่าจังหวัดชุมพร ฝนจะตกและพ้นวิกฤติภัยแล้ง.