โหดยิงดับ4ศพคนไทย1ศพพมา3ศพ
ข่าวเด่น

คนร้ายโหดยิง4ศพคนไทย1เมียนมา3ศพ

คนร้ายสุดโหดควงลูกซองยิงดับ 4 ศพ คนไทย 1 แรงงานเมียนมา 3 ศพ 

เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 16 กรกฎาคม 2566 ร.ต.ท.ชัยรัตน์ ชัยเดช รอง(สว.)สอบสวน สภ.นาสัก ชุมพร ได้รับแจ้งจากนายสุรชัย สมนึก อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 138/1 หมู่ 19 ต.นาสัก อ.สวี จ.ชุมพร ว่านายประยงค์ สมนึก อายุ 60 ปี ซึ่งเป็นพ่อ ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดยิงเสียชีวิตอยู่ริมถนนทางเข้าบ้าน จึงรายงานผู้บังคับบัญชาให้ได้ทราบ ก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.จักรา เสาวคนธ์ ผกก.สภ.นาสัก พ.ต.ท.พนัส หมุนวงศ์ รอง ผกก.สอบสวน สภ.นาสัก และกำลังตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน หน่วยกู้ชีพกู้ภัยสายชลมูลนิธิชุมพร

ที่เกิดเหตุอยู่ริมเขากลางป่ายางพาราห่างจากถนนสายเอเซีย 41 ประมาณ 15 กม. ซึ่งเป็นที่กันกานถนนที่ใช้สัญจรเป็นลูกรัง ผ่านป่าเขาและลำห้วยหลายจุด เจ้าหน้าที่พบกับผู้แจ้งพร้อมญาติและชาวบ้านที่ทราบข่าว กำลังอยู่ล้อมดูศพอยู่เจ้าหน้าที่จึงได้กั้นพื้นที่ ก่อนทำการชันสูตรศพนายประยงค์ สมนึก ซึ่งสภาพนอนหงายสวมกางขาสันสีดำ เสื้อเชิ้ตลายสก๊อต มีทางมะพร้าวปิดร่าง เสียชีวิตอยู่ริมทางใกล้ลำธารทาง ห่างจากบ้านผู้ตายเพียง 200 เมตร โดยสภาพถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซอง เข้าลำตัว ใบหน้า แขน กว่า 20 รู ตัวเริ่มแข็ง ซึ่งคาดเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ชม. ใกล้กันบนเชิงเขา เจ้าหน้าที่พบปลอกประสุนปืนลูกซอง ตกอยู่ในพงหญ้าในสวนยางพารา ห่างจากศพ ประมาณ 30 เมตร จำนวน 2 ปลอก จึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน

สอบถามนายสุรชัย ลูกชายผู้ตาย ให้การว่าเดิมที่ตนเองไม่ค่อยได้อยู่บ้าน เพราะออกไปทำงานรับจ้างนอกหมู่บ้าน แต่ที่กลับมาก็เพราะว่า เมื่อวานช่วงเย็นตนเองได้โทรศัพท์มาหา นายประยงค์ผู้ตายปรากฎติดแต่ไม่รับสาย ซึ่งก็ไม่ได้เอะใจมาก เพราะรู้ก่อนหน้าว่าพ่อจะมาต่อท่อน้ำไปใช้ในสวน จนกระทั่งมาช่วงเช้า ได้ขับรถเพื่อมาดูพ่อ แต่ระหว่างสังเกตเห็นทางมะพร้าวปิดอะไรสักอย่าง จึงจอดรถดูก็พบว่าใต้ทางมะพร้าวเป็นพ่อนอนจมกองเลือดอยู่ จึงได้โทรมาบอกอา และแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบ

นายสุรชัย ให้การว่า ตนเองไม่ทราบว่าคนร้ายเป็นใคร เพราะพ่อไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง แต่ได้ยินญาติ ว่า พ่อกับน้าพันธ์ เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกัน แต่ก็นานมาแล้ว จึงไม่รู้ว่าจะใช้หรือเปล่า เพราะตนเองก็รู้จักนายพันธ์ มานาน ส่วนรถยนต์ของพ่อนั้นเป็นรถยนต์กระบะตอนครึ่งสีบอรน หมายเลขทะเบียน บย-2075 ชุมพร นั้น ทราบว่าคนร้ายได้เอาไปด้วย

ด้าน นางสาวจันทร์แรม บุญจร อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 218/2 หมู่ 19 ต.นาสัก อ.สวี จ.ชุมพร ซึ่งเป็นน้องผู้ตาย เปิดเผยว่า ตนเองปักใจเชื่อว่า คนก่อเหตุก็คือนายประพันธ์ นาคศิริ แน่นอน เพราะเคยมีเรื่องกับพี่ชายมาแล้วหลายครั้ง เรื่องที่เรื่องทางกัน แต่ทั้งคู่ก็ปรับมาคืนดีกันแล้ว แต่อยู่ ๆก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงมาเกิดเรื่องขึ้นอีกประกอบกับนายประพันธ์ มีนิสัยอันธพาล ชอบพบปืนและชอบข่มขู่แรงงานต่างด้าว จนมีแรงงานบ้างคนต้องหอบผ้าหอบผ่อนหนีเพราะกลัวถูกนายพันธ์ ทำร้าย อีกทั้งมีประวัติติดยาเสพติดอีกด้วย และหลังก่อเหตุได้ขับรถยนต์ของพี่ชายไปด้วย

ส่วน น.ส.นงนุช ชั่งช่างเรือ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 111/2 หมู่ 11 ต.นาสัก อ.สวี จ.ชุมพร ซึ่งเป็นหลานผู้ตาย ยืนยันว่า ผู้ตายเป็นคนดี ไม่เคยมีเรื่องกับใคร ชอบทำงาน วันๆก็อยู่แต่ในสวน ส่วนคนที่ก่อเหตุนั้น ตนเชื่อว่า เป็นนายประพันธ์ นาคศิริ แน่นอน เพราะเคยมีเรื่องกันมา จึงเป็นไปไม่ได้ว่าคนร้ายจะเป็นคนอื่น

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อมา ขณะที่ตำรวจกำลังชันสูตรศพนายประยงค์อยู่นั้น ได้มีชาวบ้านซึ่งกำลังจะเดินทางไปตัดปาล์มน้ำมัน ได้โทรศัพท์แจ้งมาที่ น.ส.วันทนีย์ บุญอยู่ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 19 ต.นาสัก อ.สวี จ.ชุมพร ว่าพบศพถูกเผาอยู่ระหว่างทางไปสวนของตน จึงเดินทางไปที่จุดเกิดเหตุพร้อม พ.ต.อ.จักรา เสาวคนธ์ ผกก.สภ.นาสัก เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน และหน่วยกู้ภัยสายชล โดยจุดรับแจ้งซึ่งอยู่ห่างจากจุดแรกเพียง 300 เมตร ซึ่งก็พบศพดังกล่าวจริงอยู่ในสภาพถูกเผาดำเป็นตอตะโก โดยมีรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า หมายเลขทะเบียน 1กก 5811 ชุมพร ทับร่างอยู่ จึงประสานให้ ร.ต..ชัยรัตน์ ชัยเดช รอง สว.สอบสวน สภ.นาสัก พร้อมตำรวจพิสูจน์หลักฐาน จ.ชุมพร รุดมาเก็บพยานหลักฐานแวดล้อมต่าง ๆ

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เดินไปตรวจสอบที่บ้านพักคนงานซึ่งเป็นจุดที่สาม ที่ชาวบ้านที่ไปตัดปาล์มน้ำมัน แจ้งมาว่าพบคนเสียชีวิตอยู่หน้าบ้านพักแรงงานต่างด้าว โดยบ้านพักดังกล่าวเป็นจุดที่สามที่ได้รับแจ้งห่างจากจุดที่พบศพจุดที่ 2 ถูกเผา ประมาณ 300 เมตร เป็นบ้านพักชั้นเดียว ปลูกอยู่กลางสวนยางพารา พบผู้เสียชีวิตสภาพถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซอง เข้าบริเวณท้ายทอยด้านซ้าย กระสุนทะลุแก้ม นอนเสียชีวิตอยู่บนเตียงหน้าบ้าน นอกจากนี้ยังพบผู้เสียชีวิตอีก 1 ศพ สภาพถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซอง เข้าที่ท้ายทอยเช่นเดียวกัน นอนเสียอยู่ภายในห้องนอน

สอบถามนายบุญเลิศ สายไตร อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30/4 หมู่ 2 ต.นาสัก อ.สวี จ.ชุมพร ซึ่งเป็นเจ้าของสวนยางพาราและเป็นนายจ้างของคนตายทั้งสองศพ ทราบว่า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาตนเองเพิ่งเข้ามาเอายางในสวนไปขายในตลาด ซึ่งทั้งสองคนยังอยู่ปกติ จนมาเมื่อเช้าหลังทราบข่าวก็เดินทางมาดู ก็พบว่าลูกน้องของตนเสียชีวิตแล้วทั้งสองคน โดยผู้ที่เสียชีวิตอยู่หน้าบ้านนั้นชื่อ นายน้อง อายุ 34 ปี ส่วนผู้เสียชีวิตภายในห้องชื่อ นายนาย อายุ 51 ปี โดยนายนายนั้นมีสุขภาพไม่ค่อยดี แต่ก็ยังทำงานได้ และอยู่กับตนมานานแล้ว

นายบุญเลิศ กล่าวว่าส่วนสาเหตุนั้นตนเองก็เชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือนายพันธ์ เพราะก่อนหน้านั้น นายนายพันธ์ ซึ่งมีสวนยางอยู่ใกล้กัน ได้มาข่มขู่ลูกน้องตนหลายอย่าง ไม่ว่าจะเอาตำรวจมาจับ ข่มขู่เอาเงินบ้างและพาลหาเรื่องว่าคนงานของตน และคนงานของน้องสาวตน ซึ่งอยู่ใกล้กันอีกสวน ไปลักขี้ยางของเขาเอาไปขาย ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะร้านรับซื้อยางทุกร้านใน อ.สวี จะไม่รับซื้อยางจากแรงงานต่างด้าวทุกคน และหากมีมาขาย ก็จะแจ้งให้เจ้าของสวนต่าง ๆซึ่งเป็นลูกค้าประจำได้ทราบ

นายบุญเลิศ ยังกล่าวต่อว่า ตอนนี้ตนเองเป็นห่วงลูกน้องชาวมอญของน้องสาว ซึ่งมีอยู่กัน 3 คนพ่อแม่ลูก ได้หายไปจากบ้านพัก พบเพียงเสื้อผ้าของเล่นยังอยู่ และหน้าบ้านพบสุนัขของเขาถูกยิงตายไปด้วย 1 ตัว เกรงว่าจะถูกทำร้ายและนำไปโยนทิ้ง ตอนนี้ก็ได้ระดมคนช่วยค้นหากันอยู่

ต่อมา น.ส.มะลิวรรณ หญีตนาคราม อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 232 ม.19 ต.นาสัก อ.สวี จ.ชุมพร ได้แจ้งว่าตอนนี้ครอบครัวสามพ่อแม่ลูกปลอดภัยแล้ว โดยทั้งสามได้หลบหนีไปอาศัยอยู่กับญาติด้านนอกแล้ว ซึ่งตนเองไม่อยากคิดเลยว่าหากทั้งสามไม่หนีไปก่อนหน้า จะกลายเป็นศพด้วยหรือเปล่า เพราะทางนายพันธ์ ได้มาข่อขู่ไว้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และทั้งสามได้เอาเรื่องนี้ไปบอกคุณครูของลูกสาว และทางคุณครู ได้แนะนำให้ออกมาจากพื้นที่มาก่อน

ด้าน พ.ต.อ.จักรา เสาวคนธ์ ผกก.สภ.นาสัก เปิดเผยว่าคดีดังกล่าวเกิดขึ้นหลายจุดมีคนตาย 4 ศพ ดูซ้ำซ้อนพอประมาณ แต่น่าจะเป็นไปได้ว่า เป็นบุคคลคนเดียวที่ก่อเหตุนี้ขึ้นมา แต่ทั้งนี้ก็ต้องรวบรวมพยานหลักฐานก่อนจึงจะสามารถสรุปได้ว่าคนร้ายรายนี้เป็นใคร และเป็นคนเดียวกันหรือไม่ จึงขอเวลาสักนิด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทาง ผกก.สภ.นาสัก ได้สั่งการให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ค้นประวัตินายประพันธ์ นาคศิริ คาดว่าจะเป็นผู้ก่อเหตุ ตามพยานบุคคล เพื่อส่งให้กับทาง สภ.ต่าง ๆได้เฝ้าสกัดจับตัว ซึ่งคาดว่า เป็นผู้ที่ขับรถของนายประยงค์ สมนึก คนตายไปด้วย.

โตโยต้าชุมพร https://www.facebook.com/toyotachumphon/?mibextid=ZbWKwL


ฮอนด้าชุมพร https://www.facebook.com/hondachumphon?mibextid=ZbWKwL