อาชญากรรม เกษตรกรรม สิ่งแวดล้อม

เอาภูเขาไม่เอาโรงโม่หิน

ชาวบ้านรวมพลยกหมู่บ้านคัดค้านโม่หิน โวยหน่วยงานรัฐแอบให้สัมปทาน นายทุนเปิดโปรแจกกระหน่ำล่อใจให้เงินล้านชุมชน แต่ไม่สนหวั่นกระทบวิถีชีวิตและทำลายสิ่งแวดล้อม                                   

วันที่ 17 มกราคม 66 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีชาวบ้านเขาวง ม.12 ต.ท่าแซะ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ได้พร้อมใจติดตั้งป้ายต่อต้านไม่เอาโรงโม่ ตามถนนหนทางในชุมชนและถนนสายหลักเพื่อคัดค้านและต่อต้านที่เจ้าหน้าที่รัฐหน่วยงานเกี่ยวข้องอนุญาตให้นายทุนเข้ามาสัมปทานสร้างโรงโม่หิน ขณะที่ชาวบ้านทั้งหมู่บ้านคัดค้านไม่ยอมรับยอมรับ

โดยชาวบ้านเขาวงได้นำป้ายไวนิล ขนาด 2.4 เมตรx1.2 ม.จำนวน 5 แผ่น ติดปากทางเข้าหมู่บ้านทั้งสายท่าแซะ-สะพลี สายท่าแซะ-ปะทิว และในหมู่บ้าน ซึ่งในป้ายไวนิลมีรูปชาวบ้านจำนวนนับ 100 คน รวมถ่ายรูปหน้าศาลาเอนกประสงค์ของหมู่บ้าน พร้อมระบุข้อความว่า “ชาวหมู่ 12 บ้านเขาวง ไม่เอาโรงโม่หิน” และมีสัญลักษณ์เป็นรูปมือสีดำอยู่ในวงกลมสีแดงคาดตัด ซึ่งมีความหมายไม่เอาหรือปฏิเสธ                                                                            

นอกจากนี้ยังพบป้ายซึ่งใช้กระดาษและวัสดุที่เหลือใช้ ขนาด 20×50 ซม.เขียนด้วยปากกาเคมี ระบุใจความต่อต้าน คัดค้าน ไม่เอาโรงโม่หิน พร้อมข้อความรณรงค์ อาทิ  “ลูกหลานเราไม่เอาโรงโม่ เราจะเอาภูเขา”  “อย่านำโรงโม่หินเข้ามาในหมู่บ้านเรา” เป็นต้น  

ผู้สื่อข่าวสอบถาม นายศิริวัฒน์ จินา ผู้ใหญ่บ้าน ม.12 บ้านเขาวง ต.ท่าแซะ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ทราบว่า เมื่อปี 2562 ตนเองได้รับหนังสือจากสำนักศิลปกร ที่ 12 จ.นครศรีธรรมราช ว่าจะเข้ามาสำรวจพื้นที่บริเวณภูเขาสันกำแพง ซึ่งเป็นภูเขาหินที่อยู่ระหว่าง ม.12 ต.ท่าแซะ อ.ท่าแซะ กับ ม.4 ต.ทะเลทรัพย์ อ.ปะทิว จ.ชุมพร 

นายศิริวัฒน์กล่วว่า ในครั้งนั้นตนรู้และคิดเพียงว่าจะมาสำรวจเกี่ยวกับวัตถุโบราณ ก็เพียงรับรู้ หลังจากนั้นทางสำนักศิลปกร ก็เงียบหายไป จนกระทั้งมาปี 2563 ตนมารู้อีกทีว่า สำนักศิลปกรได้ลงพื้นที่มาสำรวจแล้วพร้อมกับทางอุตสาหกรรมจังหวัดชุมพร และมารู้ภายหลังว่าทั้งสองหน่วยงานมาสำรวจเพื่อจะออกใบประทานบัตรให้กับ บ.ภูทองอันดา จำกัด ที่ยื่นขอทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง หรือ โรงโม่หินนั้นเอง

ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 12 กล่าวว่าตนเองจึงได้เรียกชาวบ้านมาประชุมหารือพร้อมชี้แจงให้ชาวบ้านได้ทราบว่า ขณะนี้ได้เกิดอะไรขึ้น ในฐานะที่ตนเองเป็นผ้ใหญ่บ้าน จึงต้องทำประชาคมหมู่บ้านเพื่อขอมติในที่ประชุมว่าทุกคนคิดเห็นอย่างไร ซึ่งปรากฏว่าชาวบ้านทุกคนเรียกได้ว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ คัดค้านไม่เอาโรงโม่หินอย่างเด็ดขาด  ตนเองก็ได้ทำหนังสือส่งไปยังสำนักศิลปกรและอุตสาหกรรมจังหวัดชุมพร และเรื่องก็เงียบหายไป จนกระทั่งเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2567 ทางสำนักศิลปกร ที่ 12 นครศรีธรรมราช ได้ส่งหนังสือมาที่ตนในนามผู้ใหญ่บ้าน โดยแจ้งเรื่องนัดหมายตรวจสอบพื้นที่คำขอประทานบัตรที่ 1/2562 พร้อมแนบหนังสือสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดชุมพร ที่ ชพ.0034(4)/1467 ลงวันที่ 13 พฤศจิกายน 2566                      

โดยมีเนื้อหาระบุในหนังสือว่า “ด้วยสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดชุมพร แจ้งว่า เจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่จังหวัดชุมพร ได้รับจดทะเบียนคำขอประทานบัตร บ.ภูทองอันดา จำกัด เพื่อทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง จึงขออนุเคราะห์สำนักศิลปกร ที่ 12 นครศรีธรรมราช ดำเนินการตรวจสอบพื้นที่คำขอประทานบัตรดังกล่าว ซึ่งทางสำนักศิลปกร ได้อ้างอิงว่า เพื่อให้เป็นไปตามประกาศ ก็จะเข้ามาสำรวจตรวจสอบ โดยนัดหมายลงพื้นที่ในวันที่ 9-10 มกราคม 2567  

นายศิริวัฒน์ กล่าวต่อว่าหลังจากที่ตนเองได้รับหนังสือแล้ว ก็ได้แจ้งไปยังชาวบ้านผ่านไลน์หมู่บ้าน และหลังจากชาวบ้านได้รับแจ้ง ก็ได้ชวนกันมาร่วมประชุม ซึ่งครั้งนั้นมาร่วมประชุม จำนวน 187 คน และทุกคนได้ลงชื่อคัดค้านไม่เอาโรงโม่หินและไม่ยอมให้เข้ามาสำรวจตรวจสอบอย่างเด็ดขาด โดยชาวบ้านได้ให้เหตุผลว่าที่อยู่ปัจจุบันนี้ ชาวบ้านเองได้มีประสบการณ์เกี่ยวกับโรงโม่หินอยู่แล้ว จำนวน 2 แห่ง ในพื้นที่ใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบแม้จะอยู่ห่าง ในระยะ 6 กม.และ 10 กม.ก็ตามแต่พอระเบิดหินแต่ละครั้งสะเทือนมาถึงหมู่บ้าน แล้วภูเขสันกำแพงที่ให้สัมปทานใหม่นี้ อยู่ชุมชนหนาแน่นเพียง 1 กม.เท่านั้น ถือว่าเป็นการระเบิดหินกลางหมู่บ้านก็ว่าได้                                                                                                            

นายศิริวัฒน์ นอกจากนี้ภูเขาสันกำแพงแห่งนี้ ปัจจุบันเป็นป่าอุดมสมบูรณ์ มากด้วยทรัพยากรป่าไม้ที่ชุมชนห่วงแหน มีทรัพยากรสัตว์ป่าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะหมี เลียงผาซึ่งเป็นสัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ และยังเป็นป่าต้นน้ำของคลองน้ำฉา ที่ไหลไปยังสระน้ำที่ผลิตประปาหมู่เพื่อชุมชนอีกด้วย หากอนุญาตไปแล้ววิถีชีวิตของชาวบ้าน สิ่งแวดล้อมที่สมบูรณ์ก็จะมลายหายไป  

ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 12 ยังกล่าวต่ออีกว่าก่อนหน้านี้ทาง บริษัท ภูทองอันดา จำกัด ได้เดินทางมาพบกับตน พร้อมขอให้ช่วยประสานชาวบ้านส่งตัวแทน จำนวน 25 คน เดินทางไปดูงานโรงโม่ ของ บริษัท ที่ดำเนินการอยู่ที่ จ.ตรัง พร้อมได้มอบเอกสารงานประชาสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับการช่วยเหลือสังคม ชุมชน และหน่วยงานภาครัฐให้ดู โดยมีเอกสารฉบับสีเขียว จำนวน 2 ใบขนาดเอ4 ที่มีเนื้อหาเงื่อนไข 17 ข้อของสัญญาแนบท้ายประทานบัตร โดยแต่ละข้อ จะเป็นการมอบหรือช่วยเหลือ หรือสนับสนุนเป็นเงินให้กับชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานของรัฐ วัด โรงเรียน ไปจนถึงกองทุนให้กับหมู่บ้าน ตั้งแต่หลักหลักล้านไปจนถึงหลักหมื่น เป็นครั้งคราว ไปจนถึงรายปี อีกด้วย          

ด้านนายถวิล จันทร์พุ่ม อายุ 61 ปี  นางสาวจินดา แถมพิทักษ์ อายุ 52 ปี นายปัณณพงศ์ พิสิฐเศรณี อายุ 31 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวในทำนองเดียวกันว่า โรงโม่หินหากเกิดขึ้นมาไดจะสร้างความเสียหายสร้างผลกระทบต่อความเป็นอยู่ทั้งคน สัตว์ แม้กระทั่งพืชผักต่างๆ โรงโม่หินมีแต่สร้างมลพิษให้กับสรรพสิ่ง ดังนั้นขอพื้นที่สีเขียวไว้เป็นปอดของชาวบ้านได้สูดอากาศที่บริสุทธิ์เข้าไป และวอนให้รัฐบาลช่วยยัหยั้งอย่าให้โรงโม่หินเข้ามาสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านเลย                                                                                               

“ชาวบ้านในพื้นที่มีอาชีพเกษตรกรเป็นหลัก ปลูกยางพารา 20% ปาล์มน้ำมัน 30% และมากสุดคือสวนทุเรียน ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจอันดับหนึ่งของจังหวัดชุมพร และสภาพดินของหมู่บ้านมีการเป็นดินที่ดีที่สุดของประเทศไทย

“เข้าใจว่าหิน มีความจำเป็น โดยเฉพาะตอนนี้มีโครงการก่อสร้างหลายๆอย่างไม่ว่า ทางรถไฟรางคู่ที่กำลังขยายต่อ โครงการแลนด์บริดจ์ที่รอจะเกิด และจำเป็นที่ต้องใช้หินในการก่อสร้าง แต่เมื่อการพัฒนาอยู่ในความเดือดร้อนของชาวบ้านในพื้นที่นั้นๆ เจ้าของพื้นที่ก็ต้องรักษาห่วงแหนและออกมาปกป้องทรัพยากรของชาติ แม้จะเข้ามาอีกกี่ครั้งก็ต้อง ชาวบ้านก็พร้อมที่จะออกมาคัดค้านต่อไป” ชาวบ้านกล่าว  

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดทางสำนักศิลปกร ที่ 12 นครศรีธรรมราช และทางสำนักงานอุตสาหกรรม ได้ขอเลื่อนการเข้าสำรวจตรวจสอบแล้ว และได้พยายามเข้าเจรจากับผู้นำหมู่บ้าน โดยผ่านทางจังหวัดและอำเภอ โดยให้ช่วยออกหนังสือไปยังผู้นำหมู่บ้านในพื้นที่โดยรอบกับที่จะเปิดสัมปทานโรงโม่หิน ให้จัดคนจำนวน 25 คนไปดูงานที่ จ.ตรัง อีกด้วย.