ชุมพรเมืองหลวงผลไม้ เจอแล้งหนัก ชาวสวนวิ่งหาแหล่งน้ำมีไม่เพียงพอ ทุเรียนเริ่มยืนต้นตาย สวดยับผู้แทนเห็นหน้าตอนเลือกตั้ง พอเดือดร้อนไม่เคยเจอ
วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จังหวัดชุมพร กำลังประสบภัยแล้งอย่างหนัก โดยปีนี้เป็นปีที่ 2 แล้ว ที่ต้องเจอกับปัญหาภัยแล้งติดต่อกัน ส่งผลให้เกษตรกรชาวสวน ชาวไร่ เดือดร้อนอย่างมาก โดยเฉพาะชาวสวนทุเรียน ที่มีมากเป็นอันดับ 2 ของประเทศ และเป็นอันดับ 1 ของภาคใต้ และกาแฟโรบัสต้า ที่ปลูกกันมากเป็นอันดับ 1 ของประเทศ จนได้ชื่อว่า “ชุมพรเมืองหลวงผลไม้ภาคใต้” และ “ชุมพรมหานครแห่งโรบัสต้า” มีตลาดกลางซื้อขายส่งออกผลไม้ใหญ่ที่สุดของภาคใต้อยู่ที่อำเภอหลังสวน
ซึ่งขณะนี้ทุเรียนกำลังอยู่ในช่วงออกผลผลิตและจะขายได้ในอีก 3 เดือนข้างหน้า แต่เกษตรกรกำลังประสบภัยแล้งขั้นวิกฤติเป็นปีที่ 2 แล้ว ทั้ง ๆที่ก่อนหน้านี้ภาคใต้แทบจะไม่เจอกับปัญหาภัยแล้งมาก่อนเลย ซึ่งในส่วนของเกษตรกรเองก็ได้เตรียมรับมือภัยแล้งไว้แล้ว โดยการจ้างขุดสระน้ำขนาดใหญ่ไว้ในสวนขอตนเองตั้งแต่ 1-3 จุด และขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลไว้ด้วย แต่ก็ไม่เพียงพอรับมือกับปัญหาภัยแล้งที่ฝนทิ้งช่วงไม่ตกมานานเกือบ 3 เดือนแล้ว
จังหวัดชุมพรมีพื้นที่ทั้งหมด 3.75 ล้านไร่ เป็นพื้นที่การเกษตร 2.56 ล้านไร่ เป็นแหล่งผลิตไม้ผลที่มีชื่อเสียงของประเทศ โดยเฉพาะทุเรียน มังคุด กาแฟ และเป็นศูนย์กลางการตลาดทุเรียนของภาคใต้ ผลิตทุเรียน ปาล์มน้ำมันและยางพารา รวมมูลค่าผลิตภัณฑ์จังหวัดต่อหัวเท่ากับ 250,823 บาทต่อคนต่อปี เป็นลำดับที่ 1 ของภาคใต้ และลำดับที่ 12 ของประเทศ
ในช่วงเวลาที่ผ่านมาจังหวัดชุมพร ไม่เคยประสบปัญหาฝนทิ้งช่วงหรือประสบภัยแล้งที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของเกษตรกรในจังหวัด แต่ในปี 2566 จังหวัดชุมพรได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ จากปรากฏการณ์เอลนิโญ่ ส่งผลให้เกิดสถานการณ์ฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานานในหลายพื้นที่ของจังหวัด และในปี 2567 ก็ประสบปัญหาต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น
จากปัญหาภัยแล้งดังกล่าว ขณะนี้เกษตรกรชาวสวนในพื้นที่ต้องขับรถวิ่งหาแหล่งน้ำ และซื้อน้ำตามจุดบริการต่าง ๆ ตั้งแต่เช้ายันค่ำ เพื่อนำน้ำไปเติมลงในสระพักที่ขุดไว้ ใช้รดต้นทุเรียนที่กำลังออกผลผลิตและเริ่มเหี่ยวแห้งทยอยยืนต้นตาย เกษตรกรชาวสวนต้องต้องนำรถไปเข้าคิวรอกันเป็นแถวยาวเหยียดตั้งแต่ยังไม่สว่าง จนถึงขั้นแทบต้องแย่งชิงน้ำกันแล้ว