ลูกหมีนำทีมบ้านใหญ่ไร้คู่แข่ง
ทั่วไป ร้องเรียน อาชญากรรม เศรษฐกิจ การเมือง ต่างประเทศ

ชิงนายกอบจ.ชุมพรบ้านใหญ่ไร้คู่แข่ง

ชุมพรเมืองชุมพล “ลูกหมี” บ้านใหญ่ลอยลำ “นายกโต้ง” ชิงนายก อบจ.ชุมพร สมัครคนเดียวไร้คู่แข่ง จัดทัพยึดการเมืองเบ็ดเสร็จ ทั้งสนามเล็ก สนามใหญ่

หลายจังหวัดมีการจัดการเลือกตั้งชิงตำแหน่งนายก อบจ.กันอย่างคึกคัก ที่มีบ้านใหญ่ มีพรรคการเมืองดัง คนเด่น คนดัง กลุ่มอิสระ ลงสมัครชิงตำแหน่งกันแบบไม่เกรงใจใคร ซึ่งต่างกันกับจังหวัดชุมพร ที่เป็นจังหวัดเดียว มีผู้สมัครจากค่ายบ้านใหญ่ “ลูกหมี” ไร้ผู้ท้าชิง

หลังจาก นายนพพร อุสิทธิ์ “นายกโต้ง” ลาออกจากตำแหน่งนายก อบจ.ชุมพร มีผลเมื่อวันที่ 1 ส.ค.67 ก่อนจะครบวาระ 4 ปี ในวันที่ 19 ธ.ค.67 และผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร ได้ออกประกาศให้มีการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ)ชุมพร กำหนดการเปิดรับสมัครเป็นเวลา 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 13 -17ส.ค.67 ณ หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร และกำหนดวันเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 22 ก.ย.67 นั้น

ตลอดการเปิดรับสมัครทั้ง 5 วัน เป็นไปอย่างเงียบเหงา จนกระทั่งวันสุดท้ายฤกษ์งามยามดี เวลา 09.09 น. นายนพพร อุสิทธิ์ “นายกโต้ง” ที่ลาออกจากตำแหน่งไปก่อนหน้านี้ ได้หวนกลับมาลงสมัครใหม่อีกสมัย และเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งนายก อบจ.ชุมพร เพียงคนเดียว แบบชนิดไร้คู่แข่ง ท่ามกลางคนเด่นคนดัง ผู้นำชุมชน กลุ่มแม่บ้าน กลุ่มสตรี ทั้งนักการเมืองท้องถิ่น นักการเมืองระดับชาติ มาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างล้นหลาม ณ ที่หน้าทำการสถานที่เปิดรับสมัคร

นายนพพร อุสิทธิ์ “นายกโต้ง” อดีต นายก อบจ.ชุมพร สมัยที่ผ่านมา อยู่ในแวดวงการเมืองท้องถิ่นมาอย่างยาวนาน มีภรรยาชื่อ นางสุจิตรา อุสิทธิ์ “นายกเปี้ยว” นายก อบต.นาสัก อ.สวี หลายสมัย ซึ่งเป็นพี่สาวของ นายชุมพล จุลใส หรือลูกหมี “นายกโต้ง” จึงมีสถานะเป็นพี่เขยของ “ลูกหมี” บ้านใหญ่แห่งเมืองชุมพร ดังนั้นดีกรีบนเส้นทางสายการเมืองจึงไม่ต้องพูดถึงกันมากมาย

สำหรับ ส.อบจ.ชุมพร ที่มีทั้งหมด 30 คน จาก 30 เขต ในพื้นที่ 8 อำเภอของ จ.ชุมพร และจะครบวาระในวันที่ 19 ธ.ค.67 นี้. โดย ส.อบจ.ชุมพร จำนวน 29 คน จาก 30 เขต ที่ผ่านมาลงในนามทีม “พลังชุมพร” ก็ล้วนเป็นทีมงานของบ้านใหญ่ “ลูกหมี” ที่มี “นายกโต้ง” เป็นหัวหน้าทีมนั่นเอง

แวดวงการเมืองจังหวัดชุมพร เมื่อเอ่ยถึงใครๆก็ต้องรู้จัก “ลูกหมี” หรือ นายชุมพล จุลใส อดีต สส.ชุมพร หลายสมัย “ลูกหมี” มีชื่อเสียงโด่งดังเมื่อครั้ง เป็นแกนนำหลักกลุ่ม กกปส. ที่นำประชาชนร่วมชุมนุมคัดค้านร่างราชบัญญัตินิรโทษกรรม แก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง หรือที่หลายคนเรียกว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย หรือ พรบ.นิรโทษกรรมเหมาเข่ง จนนำไปสู่การชุมนุมขับไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2556-2557 และต่อมา “ลูกหมี” พร้อมแกนนำอีกหลายคนถูกจับกุมดำเนินคดี ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 9 ปี 24 เดือน และถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2567 ศาลอุธรกลับคำพิพากษา เหลือโทษจำคุก 1 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา และยังคงถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปีเช่นเดิม ซึ่งตอนนี้คดีอยู่ในชั้นฎีกา

แม้ “ลูกหมี” จะพ้นสภาพการเป็น สส.ชุมพร และถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี แต่ด้วยความเป็นคนติดดิน ลุยทุกที่ ใจถึง พึ่งได้ จนบารมีแผ่ขยายไปทั่วทั้งจังหวัดชุมพร สามารถจัดทัพคุมทีมการเมืองได้อย่างแบบเบ็ดเสร็จ ตั้งแต่การเมืองระดับท้องถิ่น ระดับจังหวัด ไปจึงถึงการเมืองระดับชาติ

โดยการเมืองระดับชาติ “ลูกหมี” พาทีมงานในสังกัด “บ้านใหญ่” เข้าเป็น สส.ครบทั้ง 3 เขตเลือกตั้งของ จ.ชุมพร ในสังกัด “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ที่สามารถล้มแชมป์เก่าผู้ยิ่งใหญ่อย่าง “พรรคประชาธิปัตย์” ที่ยึดครองพื้นที่จังหวัดชุมพร มาอย่างยาวนานจนแพ้ราบคาบทั้ง 3 เขตเลือกตั้ง ขนาด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เคยส่งคนในค่ายมาถ้าชิง สส.ชุมพร เขต 1 และเป็นผู้นำทัพลงมาบัญชาการหาเสียงเลือกตั้งทุ่มกันสุดตัวด้วยตนเอง แต่ก็ยังต้องพ่ายแพ้อย่างย่อยยับแบบหมดรูปกลับไป

สส.ชุมพร ทั้ง 3 เขต พรรครวมไทยสร้างชาติ ของค่ายบ้านใหญ่ ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ในขณะนี้นั้น สส.เขต 1 นายวิชัย สุดสวาสดิ์ อดีต ส.อบจ.หลายสมัย ถือเป็นมือขวาคู่กายไปไหนไปกัน สามารถทำงานรู้ใจ “ลูกหมี” ได้ทุกเรื่อง และยังเป็นนักไฮปาร์คฝีปากกล้าอีกด้วย ส่วน สส.เขต 2 นายสันต์ แซ่ตั้ง อดีต ส.อบจ.หลายสมัยเช่นเดียวกัน คนนี้ “ลูกหมี” ทุ่มสุดตัว เพราะเป็นคู่หูที่รู้ใจกันมานาน และ เขต 3 นายสุพล จุลใส “สส.ลูกช้าง” คนนี้ก็เช่นกันไม่ต้องบรรยายสรรพคุณกันมากมาย เพราะเป็นพี่ชายแท้ๆของ “ลูกหมี” นั่นเอง

เมื่อประตูภาคใต้ “จังหวัดชุมพร” กลายเป็น “เมืองชุมพล” ของค่ายบ้านใหญ่อย่าง “ชุมพล จุลใส” หรือ “ลูกหมี” ผู้นำจัดทัพการเมืองชุมพร จึงไม่แปลกใจว่าทำไมศึกชิงตำแหน่งนายก อบจ.ชุมพรในครั้งนี้ จึงไม่มีพรรคการเมืองใด หรือใคร ลงสมัครถ้าชิงด้วยแต่อย่างใด.