จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างเป็นตำรวจชุมพร
ข่าวเด่น

อ้างเป็นตำรวจชุมพร

จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างเป็นตำรวจเมืองชุมพร
วันที่ 17 ก.ย. 2567 ชุดปฏิบัติการที่ 3 สืบนครบาล จับกุมตัวนาชัย (นามสมมุติ)  อายุ 27 ปี บุคคลตามหมายจับ 2 หมายจับ ทั้งฉ้อโกงและลักทรัพย์ โดยจับกุมที่ห้องเช่า ซอยไทยธานี 16 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
พฤติการณ์ในคดี คนร้ายจะโทรศัพท์สุ่มเข้ามาหาผู้เสียหาย อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองชุมพร แจ้งผู้เสียหายว่ามีพัสดุจากบริษัทขนส่งแห่งหนึ่ง ไม่ทราบว่าเป็นของผู้ใดตรวจสอบพัสดุพบ หนังสือเดินทาง, บัตรเอทีเอ็ม, พร้อมสมุดธนาคาร ซึ่งมีชื่อของผู้เสียหายปรากฏอยู่ แล้วอ้างว่าผู้เสียหาย อาจจะมีส่วนพัวพันเกี่ยวข้องกับมิจฉาชีพ ระหว่างนั้นได้มีการเพิ่มเพื่อนทางแอปพลิเคชั่นไลน์ชื่อ “สภ.เมืองชุมพร” แล้ววิดีโอคอลมาหาผู้เสียหาย (เห็นบุคคลแต่งกายด้วยเครื่องแบบตำรวจ) แล้วแสดงตัวว่าเป็น พ.ต.ท. ประจำอยู่ สภ.เมืองชุมพร ให้ผู้เสียหายแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยการโอนเงินมาเพื่อทำการตรวจสอบ แล้วจะโอนเงินกลับคืนมาภายใน 2 วัน ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไปให้ ทั้งหมด 2,121,015 บาท

หลังจากนั้นก็ไม่มีการโอนเงินกลับมาให้ผู้เสียหายแต่อย่างใด จึงเชื่อว่าตนถูกหลอกลวง จึงมาพบพนักงานสอบสวน สภ.สำโรงเหนือ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับคนร้ายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด พนักงานสอบสวนจึงได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาปรากฏว่าผู้ต้องหาไม่ได้มาพบ พนักงานสอบสวนจึงได้ยื่นขอหมายจับผู้ต้องหา
ทั้งนี้ ผู้ต้องหา ให้การว่า เมื่อประมาณ เดือนเมษายน 2567 มีพี่ที่รู้จักกันชักชวนให้เปิดบัญชีและไปทำงานคาสิโนที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา จำนวน 3 วัน โดยมีนายหน้ามารับ ด้วยรถตู้เดินทางไปยังไปอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว และภายในรถตู้มีผู้สมัครทำงานคล้ายตนนั่งไปด้วย 6 คน เมื่อไปถึงชายแดน ต้องเดินเท้าผ่านป่าจนถึงลำคลอง จากนั้นนั่งแพข้ามน้ำไปขึ้นฝั่งประเทศกัมพูชา จะมีชายชาวกัมพูชามารอรับอยู่อีกฝั่ง และพาเดินทางไปยังที่พัก เป็นตึก 5 ชั้น โดยพักห้องละ 5 คน
ในวันแรกยังไม่มีอะไร วันที่ 2 มีการเรียกไปสแกนหน้าเพื่อโอนย้ายข้อมูลแอปธนาคารไปยังเครื่องของผู้ว่าจ้าง และเปิดบัญชีธนาคารแบบออนไลน์เพิ่มเติมอีก รวมทั้งสิ้นจำนวนประมาณ 5 บัญชี วันที่ 3 เรียกไปสแกนหน้าเพื่อทำธุรกรรม วันที่ 4 เดินทางกลับ และได้ค่าตอบแทน จำนวน18,000 บาท พร้อมพวกอีก 6 คนเดินทางกลับมาด้วย โดยมีชายชาวกัมพูชา มารับจากที่พักไปส่งจุดเดิมที่มาแล้วนั่งแพกลับเข้าไทยผ่ายช่องทางธรรมชาติ เมื่อถึงไทยต่างคนต่างแยกย้าย จากนั้นได้นำตัวส่ง สภ.สำโรงเหนือ เพื่อดำเนินคดีต่อไป.