กองทัพบก แม่ทัพภาคที่ 4 ตั้งคณะทำงานชุดเฉพาะกิจกวาดล้าง ดำเนินคดี แก๊งอิทธิพลชายแดนชุมพร-ระนอง ภัยความมั่นคงในราชอาณาจักร
วันที่ 10 มีนาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.)ภาค 4 ได้รับรายงานมีกลุ่มอิทธิพล ร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐ เข้าไปบุกรุกแผ้วถางทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ค้ามนุษย์ และสิ่งผิดกฎหมายอื่นๆ ในพื้นที่ชายแดนระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ในบริเวณพื้นที่ จ.ชุมพร-ระนอง และได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของ สำนักสอบสวน 4 สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง
ผลจากการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบมีการกระทำผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของรัฐหลายประการ โดยจากรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวของคณะทำงานในทางลับ ได้ส่งรายชื่อผู้มีอิทธิพล ผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องตามร้องเรียน พร้อมหลักฐานจำนวนมาก ถึงแม่ทัพภาค 4 และ ผบ.ทบ.แล้วนั้น
ล่าสุด พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานแก้ไขปัญหาอันเป็นภัยต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร ในพื้นที่จังหวัดชุมพร โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 7 มาตรา 11 แห่ง พรบ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 แต่งตั้งคณะทำงานให้เป็นไปตามกรอบอำนาจหน้าที่
โดยมีคณะทำงานมีดังนี้ 1.ชุดตรวจสอบ ตรวจสอบข้อเท็จจริง รวบรวมข้อมูล ผลการตรวจสอบ ผลการสืบสวน สอบสวนหาข้อเท็จจริง ประสานการปฎิบัติ ติดต่องานหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินการแก้ไขปัญหาได้เป็นไปตามกฎหมาย
2. คณะพนักงานสืบสวน ทำการสืบสวนพื้นที่ จัดทำข้อมูลของพื้นที่ แสวงหาข้อเท็จจริง ทำการสืบสวน แสวงหาพยานหลักฐาน รวบรวมพยานหลักฐาน จัดทำสำนวนส่งกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานแก้ไขปัญหาอันเป็นภัยต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร มี พล.ต.อนุสรณ์ โออุไร รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็นหัวหน้าคณะทำงาน โดยมี พ.อ.ดุสิต เกษรแก้ว เป็นหัวหน้าชุดตรวจสอบ พ.อ.เรืองนาม สังข์นวล นายทหารแผนที่ กองทัพภาคที่ 4 เป็นผู้ช่วยหัวหน้าชุดตรวจสอบ และคณะพนักงานสอบสวนจากกองคดีอาญา สำนักกฎหมายและคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจภูธรภาค 8 กระบี่ สุราษฎร์ธานี กระบี่ ภูเก็ต ระนอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับชายแดนไทย-เมียนมา ด้านตำบลรับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ยาวต่อเนื่องไปถึงเขตตำบลปากจั่น อำเภอกระบุรี จ.ระนอง ซึ่งกลุ่มผู้มีอิทธพลที่กระทำผิดทั้ง 2 จังหวัด จะมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันกับพฤติกรรมการกระทำผิดกฎหมายที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในราชอาณาจักรไทย
โดยก่อนหน้าที่คณะทำงานในทางลับของทหารชุด กอ.รมน.ภาค 4 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของ สำนักสอบสวน 4 สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ส่งสายข่าว สายลับ ลงพื้นที่เก็บข้อมูลหลักฐานเป็นเวลานาน 3 ในช่วงเดือนธันวาคม 2567 – กุมภาพันธ์ 2568 พบการกระทำผิด มีนายทุนลักลอบออกนอกราชอาจักร เข้าไปในพื้นที่ no man’s land และในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน นำเครื่องจักร รถแมคโครเข้าไปปรับไถเพื่อจัดสรรที่ดินขายให้กับคนไทยด้วยกัน มากกว่า 1 พันไร่ ค้ามนุษย์ แรงงานต่างด้าว ค้าอาวุธ ขนสินค้าเถื่อนข้ามแดน และพบแคมป์ชาวโรฮิงญา มากกว่า 300- 400 คน รอการขนย้ายผ่านเข้าประเทศไทยไปยังประเทศที่ 3 โดยมีกองกำลังติดอาวุธชนกลุ่มน้อยให้ความคุ้มครอง.









