ชาวบ้านกว่า 200 คน ฮือประท้วงต้านเขื่อนท่าแซะ รับครม.สัญจรที่ชุมพร หลังกลุ่มนักการเมืองท้องถิ่น นักธุรกิจ เสนอรัฐบาลสร้าง ป้าวัย 63 ปี โวยถูกเจ้าหน้าที่บุกยึดที่ดินอ้างเวนคืนทำประตูระบายน้ำ มีผู้ไม่หวังดีปล่อยข่าวรับเงินค่าเวนคืนแล้ว 10 ล้าน จนต้องหนีตายกลัวถูกอุ้ม
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 14 ส.ค.61 ที่หน้าศาลากลางจังหวัดชุมพร ได้มีกลุ่มชาวบ้านกว่า 200 คน พร้อมรถยนต์กระบะติดเครื่องขยายเสียง นำโดย นางวัชรี จันทร์ช่วง นายวิโรจน์ ชูกลาง ผู้ประสานงานกลุ่มอนุรักษ์ต้นน้ำท่าแซะ พร้อมป้ายผ้าสีเขียวเขียนข้อความ “ หยุดเขื่อนท่าแซะ NO THA SAE DAM ” ได้เดินทางมายื่นหนังสื่อต่อผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรผ่านถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอคัดค้านการก่อสร้างเขื่อนท่าแซะ พร้อมอ่านแถลงการณ์มีใจความว่า ในการประชุม ครม.สัญจร ที่จังหวัดชุมพร ระหว่างวันที่ 20-21 ส.ค.นี้ ได้มีกลุ่มนักการเมืองท้องถิ่น กำนันผู้ ใหญ่บ้าน นักธุรกิจ และราษฎรจำนวนหนึ่งในอำเภอทาแซะ อำเภอปะทิว อำเภอเมืองชุมพร มีหนังสื่อถึงนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ในการประชุม ครม.สัญจรขอให้ทบทวนดำเนินการก่อสร้างเขื่อนท่าแซะ อ้างเพื่อป้องกันและแก้ปัญหาน้ำท่วม ซึ่งเป็นเขื่อนขนาดใหญ่มูลค่าก่อสร้างกว่า 3,800 ล้านบาท ครอบคลุมพื้นที่หลายตำบลในอำเภอท่าแซะ
ดังนั้นหากมีการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ดังกล่าวจริงจะทำให้น้ำท่วมเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ากรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ด้านทิศเหนือมากกว่า 2,400 ไร่ ที่อยู่อาศัยของราษฎรกว่า 400 หลังคาเรือน พื้นที่การเกษตร 9,800 ไร่ ได้รับผลกระทบ โดยแกนนำที่ปราศรัยยืนยันว่าจะขอส่งหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรเท่านั้น หากมอบหมายให้ผู้อื่นมารับแทน ชาวบ้านทั้งหมดจะถือว่าไม่ให้ความสำคัญและจะกางเต็นท์กินนอนอยู่หน้าศาลกลางจังหวัดจนกว่าผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรจะมารับหนังสือด้วยตนเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างแกนนำปราศรัยต่อต้านการสร้างเขื่อนท่าแซะและรอยื่นหนังสืออยู่นั้น นายวิบูลย์ รัตยาภรณ์วงศ์ ผวจ.ชุมพร ได้โทรศัพท์ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่และขอพูดคุยกับนางวัชรี จันทร์ช่วง ผู้ประสานงานกลุ่มอนุรักษ์ต้นน้ำท่าแซะ โดยบอกว่าตนเองติดภารกิจราชการประชุมเตรียมพร้อมต้อนรับนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ไม่สามารถมารับหนังสือดังกล่าวได้ด้วยตนเอง และตกลงนัดหมายกับแกนนำ และกลุ่มชาวบ้านว่าจะมาพบรับหนังสือด้วยตนเองในช่วงสายของวันที่ 16 ส.ค.นี้ ซึ่งแกนนำและชาวบ้านทุกคนพร้อมจะมาใหม่ตามนัดหมายในวันดังกล่าวอีกครั้ง
นางสาวบุญเลือง สุขัง อายุ 63 ปี หนึ่งในชาวบ้านกล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนมีบ้านและที่ดินอยู่ในพื้นที่หมู่ 4 ตำบลหินแก้ว อ.ท่าแซะ มีเอกสารสิทธิ์ นส.3ก. ประมาณ 10 ไร่ ทำการเกษตรแบบสวนผสมเป็นมรดกสืบทอดมาจากปู่ย่าตายายตั้งแต่ปี พ.ศ.2501 และเมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ได้มีเจ้าหน้าที่รัฐประมาณ 8-10 คน เข้าไปรังวัดและขุดหลุมปักเสาในที่ดินของตนโดยไม่มีหนังสื่อหรือบอกกล่าวแต่อย่างใด อ้างว่าที่ดินบริเวณดังกล่าวได้ถูกเวนคืนแล้วเพื่อจะทำเป็นประตูระบายน้ำ ทั้งๆที่ตนไม่เคยรู้เรื่องมาก่อนจึงพยายามห้ามปรามและไม่ยินยอมแต่เจ้าหน้าที่เหล่านั้นก็ไม่ฟัง เข้ามาขุดหลุมปักเสาปูนในที่ดินของตนจำนวนหลายต้นเพื่อนำไปสร้างประตูระบายน้ำ
นางสาวบุญเลือง กล่าวว่าหลังจากเจ้าหน้าที่เข้ามาสำรวจปักเสาจะนำที่ดินตนไปเป็นประตูระบายน้ำ จากนั้นได้มีผู้ไม่หวังดีปล่อยข่าวว่าตนรับเงินค่าเวนคืนที่ดินมาแล้ว 10 ล้านบาท และได้มีชาวบ้านหลายรายมาขอยืมเงิน ทำให้ตนเกิดความกลัวว่าจะถูกอุ้มฆ่าเพราะเข้าใจผิดว่าตนได้รับเงินจำนวน 10 ล้านบาทมาจริงๆ ตอนนี้ไม่กล้านอนบ้านต้องเร่ร่อนไปขออาศัยเพื่อนบ้านและญาติๆนอน เพราะกลัวความไม่ปลอดภัย ซึ่งวันนี้ตนจะมาร้องขอความเป็นธรรมจากผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างที่มีการชุมนุมประท้วงต่อต้านสร้างเขื่อนท่าแซะ นางสาวบุญเลืองที่อยู่ในอาการเสียใจจะถูกเวนคืนที่ดินได้ร้องไห้ตอดเวลาจนเป็นลมถึง 2 ครั้ง ชาวบ้านต้องเข้าไปช่วยพยุงและนำยาลมมาให้ดมจนอาการดีขึ้น และก่อนที่แกนนำและชาวบ้านกลุ่มประท้วงจะเดินทางกลับได้มอบเงินพุ่มผ้าป่าจำนวนหนึ่งและสิ่งของเครื่องใช้ให้กับ นายชัยสิทธิ์ พานิชพงศ์ รอง ผวจ.ชุมพร เพื่อสบทบส่งไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเขื่อนแตกที่ประเทศลาวด้วย.