ประมงอำเภอร่ำไห้ร้องศูนย์ดำรงธรรมถูกผู้ใหญ่บ้านอิทธิพลขู่บุกสำนักงานฉีกทำลายเอกสารและข่มขู่พาผู้นำท้องถิ่น ชาวบ้านขับไล่หลังเป็นคณะกรรมการตรวจโครงการเสริมสร้างรายได้เกษตรกรรายย่อย พบไม่ชอบมาพากลมีปลอมลายเซ็นของบประมาณ
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 18 กันยายน 2561 ที่ห้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชุมพร นางสาวราตรี จันทรัตน์ ประมงอำเภอละแม จ.ชุมพร เข้าพบ นายดุสิต ศักรกานต์ ผอ.กลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชุมพร เพื่อร้องเรียนขอคามเป็นธรรมกรณีถูกข่มขู่จากผู้ใหญ่บ้านอิทธิพลคนหนึ่งในพื้นที่อำเภอละแม และจะปลุกระดมชาวบ้าน ผู้นำท่องถิ่นในพื้นที่มาขับไล่ตนเองและเกษตรอำเภอให้ออกจากพื้นที่
นางสาวราตรี จันทรัตน์ ประมงอำเภอละแมกล่าวว่า ตนได้ปฏิบัติงานในพื้นที่อำเภอละแมมานานกว่า 8 ปี และที่ต้องมาร้องเรียนขอความเป็นธรรมให้กับตนเองเนื่องจากตนได้รับการแต่งตั้งจากนายอำเภอละแมให้เป็นคณะกรรมการพิจารณาโครงการเสริมสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรรายย่อยอำเภอละแม จากนั้นเมื่อวันที่ 25 ก.ค.61 คณะกรรมการโครงการได้มีการประชุมพิจารณาโครงการ 15 โครงการของอำเภอละแม และตนเองได้เข้าร่วมพิจารณาโครงการดังกล่าวด้วย แต่ตนได้ร่วมพิจารณาเพียง 2 โครงการ เนื่องจากติดภารกิจต้องเข้าร่วมประชุมเรื่องแนวเขตที่จังหวัดชุมพร ซึ่งปรากฏว่าโครงการแปรรูปหมูแดดเดียวตนทราบภายหลังว่าโครงการดังกล่าวมีผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งเป็นประธานกลุ่มและคณะกรรมการ โดยที่ประชุมได้พิจารณาว่าเป็นโครงการนี้ไม่มีความเหมาะสม
นางสาวราตรีกล่าวต่อว่า หลังจากนั้นวันที่ 7 ส.ค.61 ตนเองได้รับโทรศัพท์จากเกษตรอำเภอละแมให้มาพบ เพื่อร่วมพิจารณาโครงการอีกครั้ง หลังจากนั้นได้กลับเข้ามาที่สำนักงานประมงอำเภอละแม ช่วงประมาณเวลา 15.00 น. และพบว่ามีชาวบ้านผู้ชายคนหนึ่งมายืนรอตนพร้อมเกษตรอำเภอละแม โดยเกษตรอำเภอได้แนะนำว่าผู้ชายคนนี้คือสมาชิกในโครงการแปรรูปหมูแดดเดียวที่ไม่ผ่านการพิจารณา ทราบชื่อคือ นายทวิช พรมแดง คณะกรรมการจึงได้เรียกตัวนายทวิชเพื่อสอบถามความเข้าใจของโครงการที่เสนอของบประมาณมาดังกล่าว เมื่อคณะกรรมการได้ถาม นายทวิชว่ามีตำแหน่งอะไรในโครงการ “เจ้าตัวตอบว่าไม่ทราบ” และงบโครงการนี้เสนอขอมาเท่าไหร่ “เจ้าตัวก็ตอบว่าไม่ทราบ” เมื่อคณะกรรมการสอบถามว่าในเอกสารการประชาคมหมู่บ้านที่ลงลายมือชื่อคือคุณใช่หรือไม่นายทวิช ก็ตอบว่า “ไม่ใช่ลายมือชื่อตนเอง” คณะกรรมการจึงบอกกับนายทวิชว่าในเอกสารโครงการมีชื่อท่านมีตำแหน่งเป็นรองประธานกลุ่ม และงบประมาณที่ขอมาจำนวน 45,000 บาท ดังนั้นกรรมการจึงนำนายทวิชเข้าพบกับนายอำเภอละแมเพื่อรายงานให้ทราบ และนายอำเภอละแมได้สอบถามนายทวิชอีกครั้งซึ่งก็ได้คำตอบแบบเดิม จึงสรุปว่าให้ยกเลิกโครงการดังกล่าว และให้เกษตรอำเภอทำบันทึก ปค.14 เพื่อยกเลิกโครงการ
นางสาวราตรีกล่าวว่าจากนั้นเกษตรอำเภอได้มอบหมายให้ประมงอำเภอช่วยบันทึก ปค.14 ดังกล่าว ตนจึงได้พานายทวิชมาที่สำนักงานประมงอำเภอเพื่อดำเนินการทำบันทึก ซึ่งขณะที่กำลังสอบถามและกำลังเขียนบันทึกอยู่นั้น ได้มีผู้ใหญ่บ้านหญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาและได้ยื้อแย่งเอกสารโครงการไปฉีกขยำทิ้งถังขยะต่อหน้าตนเอง จึงได้โทศัพท์แจ้งเกษตรอำเภอให้มาดำเนินการบันทึก ปค.14 ด้วยตนเอง ผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวยังได้เดินตามไปหยิบเอกสารโครงการอีกชุดไปฉีกทำลายและได้เดินออกจากสำนักงานอย่างหน้าตาเฉย
นางสาวราตรีกล่าวว่าหลังจากนั้นวันที่ 10 ส.ค.61 ตนเองได้ไปแจ้งความที่ สภ.ละแม เกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นและได้ทำบันทึกข้อความถึงนายอำเภอละแมเพื่อเรียนให้ทราบ จากนั้นวันที่ 14 ส.ค.61 ตนได้นำเอกสารไปร้องยังจังหวัดชุมพรโดยมีจ่าจังหวัดเป็นผู้รับเรื่องและได้ทำหนังสือถึงนายอำเภอจากนั้นอำเภอได้แต่งตั้งคณะกรรมการในการสอบข้อเท็จจริง จนมาถึงวันที่ 8 ก.ย.61 ตนเองได้รับโทรศัพท์จากผู้ใหญ่คนหนึ่งในอำเภอละแมว่าขอให้ตนยอมความไม่ให้ดำเนินการกับผู้ใหญ่บ้านหญิงคนนั้น มิฉะนั้นจะปลุกระดมกำนันผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านในอำเภอละแมให้มาขับไล่ตนเองรวมทั้งเกษตรอำเภอละแมให้ถูกออกจากราชการ หรือให้ย้ายไปจากอำเภอและแม เพราะตนเองได้ไปรังแกคนของชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านอำเภอละแม เมื่อทราบดังนั้น ตนเองจึงได้โทรหา ผกก.สภ.ละแม ว่าได้มีบุคคลข่มขู่ข้าพเจ้าตามข้อมูลดังกล่าว ผกก.สภ.ละแม จึงได้เชิญตนเองและเกษตรอำเภอไปสอบถามที่บ้านพักเป็นเวลากว่า 3 ชั่วโมง ซึ่งตนเองได้อัดคลิปเสียงในการสนทนาครั้งนี้ไว้ด้วย
นางสาวราตรีกล่าวด้วยน้ำตานองหน้าว่าในวันที่ 10 ก.ย.61 ตนเองเกิดความกลัวจากการถูกข่มขู่ดังกล่าว จึงได้เข้าแจ้งความกับ สภ.ละแม เพื่อดำเนินคดีกับผู้ใหญ่บ้านดังกล่าว ต่อมาวันที่ 14 ก.ย.61 ได้ทราบว่ามีการเรียกประชุมคณะชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอละแม โดยมีนายอำเภอละแม เข้าร่วมประชุมด้วย และตนได้ทราบข้อมูลจากผู้ร่วมเข้าประชุมดังกล่าวว่าจะให้ผู้ใหญ่บ้านรวมตัวกันขับไล่ตนเองแต่ผู้ใหญ่บ้านส่วนใหญ่ไม่ร่วมด้วย จึงมีการหารือข้อที่ 2 ว่าจะขอมาเคลียร์ให้ตนเองยุติการร้องเรียนหากตนเองไม่ยอมก็จะหาทางย้ายตนเองออกจากพื้นที่ให้ได้ จึงทำให้ตนเกิดความกลัวจึงได้มาร้องเรียนร้องทุกข์กับศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชุมพรในวันนี้ ซึ่งตนเป็นเจ้าหน้าที่ผู้หญิงเพียงคนเดียว และได้ดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอนของกฎหมาย จากเรื่องราวดังกล่าวตนเองเป็นผู้ถูกกระทำหยามเกียรติ และถูกกลุ่มอิทธิพลพยายามข่มขู่และจะขับไล่อย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งตนขอยืนยันว่าจะอยู่ที่อำเภอละแมเพราะตนมีบ้านอยู่ในอำเภอละแม นอกจากนี้ยังมีภาระเลี้ยงดูหมาจรจัดอีก 200 กว่าตัว จึงขอความเป็นธรรมจากทุกองค์กร ว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ เป็นข้าราชการ ที่ทำ งานด้วยความถูกต้อง แต่ไม่ถูกใจของใครบางคน กับถูกกระทำเช่นนี้
ด้าน นายดุสิต ศักรกานต์ ผอ.กลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชุมพร กล่าวว่าจะรายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางดำเนินการช่วยเหลือ และให้ความเป็นธรรมต่อไป.