เพลิงไหม้โรงธรรมวัดถ้ำโพงพางวอด แต่โลงเก็บสรีระหลวงปู่บุญมา “เทพเจ้าแห่งความเมตตา” เกจิดังภาคใต้ไม่เป็นไร
บ่ายวันที่ 18 ก.ย.61 ร.ต.อ.พหล วิเชียรนรา รอง สว.(สอบสวน) สภ.ต.ปากน้ำชุมพร จ.ชุมพร ได้รับแจ้ง มีเหตุเพลิงไหม้ บริเวณวัดถ้ำโพงพาง หมู่ 3 ตำหาดทรายรี อ.เมือง จ.ชุมพร จึงแจ้งให้ ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ดับเพลิง อบต.หาดทรายรีและทศบาลตำบลปากน้ำชุมพร
ที่เกิดเหตุอาคารถูกเพลิงไหม้เป็นโรงธรรม วัดสุวรรณคูหาวารีวงศ์ หรือ วัดถ้ำโพงพาง ซึ่งเป็นอาคารโครงสร้างเป็นไม้เก่าชั้นเดียว ผนังคอนกรีต เจ้าหน้าที่ได้ระดมฉีดน้ำ นานประมาณ 1 ชั่วโมง เพลิงจึงสงบ โดยมีผู้บริหารของทั้งสองเทศบาลอำนวยการดับเพลิงอย่างใกล้ชิด โดยอาคารที่ถูกเพลิงไหม้ใช้เป็นสถานที่สำคัญทั้งกิจของสงฆ์ และ ฆราวาส ตกแต่งอย่างสวยงามด้วย ผ้า พรม และประดับแสงไฟอย่างสวยงาม เป็นที่เก็บหนังสือ พรหม ดอกไม้ ธูป เทียน และอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้อาคารถูกเพลิงไหม้เสียหายอย่างมาก จุดต้นเพลิงเป็นห้องพระ ที่มีพระพุทธรูปเก่าแก่ที่อยู่คู่กับวัดมายาวนาน ที่สำคัญที่สุดของโรงธรรมแห่งนี้คือเป็นสถานที่เก็บสรีระ หลวงปู่บุญมา ปภากโร เกจิชื่อดังของชาวชุมพรและภาคใต้ ที่เลืองลือเรื่องวิชาอาคม หลวงปู่บุญมา ปภากโร ได้สมญานามว่าเป็น “ เทพเจ้าแห่งความเมตตา ” มรณภาพสิริอายุ 92 พรรษาา เมื่อวันที่ 2 ม.ค.2561 ที่ผ่านมา ปัจจุบันสรีระของหลวงปู่ยังถูกเก็บไว้ในบริเวณโรงธรรมที่ถูกเพลิงไหม้แต่โลงที่บรรจุไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด จนสร้างความประหลาดใจแก่ชาวบ้านที่ไปมุงดูตุการณ์
นอกจากนี้ยังพบพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ติดอยู่ข้างฝาผนังศาลายังสมบูรณ์มีเพียงกรอบรูปเท่านั้นที่ถูกไฟไหม้บางส่วน เบื้องต้นทางคณะสงฆ์ได้เข้าตรวจสอบพร้อมประเมินความเสียหายเฉพาะตัวอาคารโครงสร้างเสียหายประมาณ 8 แสนบาท ส่วนพระพุทธรูป พระประธาน พระแก้ว ตู้พระไตรปิฎก ไฟไหม้ชำรุดเสียหาย ไม่สามารถประเมินมูลค่าได้เนื่องจากพระดังกล่าวอยู่คู่ศาลาแห่งนี้มาตั้งแต่ ปี พ.ศ.2458 ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้ ยังไม่ทราบแน่ชัด ขณะเดียวกันตำรวจชุดพิสูจน์หลักฐานได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้วแต่ต้องรอข้อสรุปอย่างละเอียดอีกครั้ง.
