ผู้ว่าฯว่าไงเมื่อข้าราชการน้ำดีจับโกงถูกลอยแพ “โดย…แมลงวันหัวเขียว”
เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับ น.ส.ราตรี จันทรัตน์ ประมงอำเภอละแม ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการพิจารณาโครงการเสริมสร้างรายได้ให้กับ เกษตรกรรายย่อย
ได้ตรวจสอบการพิจารณาโครงการพบความไม่ชอบมาพากลมีการแต่งตั้งสวมชื่อบุคคลที่ไม่รู้เรื่องเป็นกรรมการและรองประธานกลุ่มหวังเสนอโครงการของบประมาณ นำเงินออกมาใช้
จึงถูกยับยั้งโครงการจนนำไปสู่การวางอำนาจบาตรใหญ่ของผู้ใหญ่บ้านบางคนที่เป็นประธานโครงการถึงกับบุกสถานที่ราชการสำนักงานประมงอำเภอทำลายเอกสารไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง อย่างเหิมเกริม
แม้จะร้องเรียนไปยังนายอำเภอและผู้เกี่ยวข้องในระดับจังหวัดแล้วก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าเธอยังจะถูกข่มขู่คุกคามมาตลอดและต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวตามลำพังเหมือน ถูกลอยแพ
ให้ต้องยอมจำนนเพื่อยุติปัญหาที่เกิดขึ้นโดยไม่มีผู้เกี่ยวข้องคนใดลงมาช่วยเหลืออย่างจริงจังกับการที่เธอออกมาปกป้องผลประโยชน์ของชาติในครั้งนี้
นอกจากนั้นผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวยังขู่จะปลุกระดมผู้นำท้องถิ่นชาวบ้านให้ออกมาขับไล่ให้พ้นไปจากพื้นที่จนเธอ ทนต่อไปไม่ได้
วันที่ 18 กันยายน 2561 เวลา 09.30 น. นางสาวราตรี จันทรัตน์ ประมงอำเภอละแม ได้เข้าพบ นายดุสิต ศักรกานต์ ผอ.กลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชุมพร เพื่อร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากกรณีถูกข่มขู่คุกคามจากผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวในพื้นที่อำเภอละแม และจะปลุกระดมชาวบ้าน ผู้นำชุมชนในพื้นที่ให้ออกมาขับไล่ตนเองให้ ออกจากพื้นที่
เธอบอกว่าได้ปฏิบัติงานในพื้นที่อำเภอละแมมานานกว่า 8 ปี และที่ต้องมาร้องเรียนขอความเป็นธรรมเนื่องจากตนได้รับการแต่งตั้งจากนายอำเภอละแมให้เป็นคณะกรรมการพิจารณาโครงการเสริมสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรรายย่อย
เหตุเกิดขึ้นจากวันที่ 25 ก.ค.61 เมื่อได้เข้าร่วมพิจารณาโครงการดังกล่าว 2 โครงการ ปรากฏว่าโครงการแปรรูปหมูแดดเดียวที่มีผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งเป็นประธานกลุ่มและคณะกรรมการโดยที่ประชุมได้พิจารณาว่าโครงการดังกล่าวนั้น ไม่มีความเหมาะสม
ต่อมาวันที่ 7 ส.ค.61 ช่วงเวลา 15.00 น. ได้มีชาวบ้านคนหนึ่งมายืนรอพบเธอพร้อมกับเกษตรอำเภอละแม โดยเกษตรอำเภอได้แนะนำว่าผู้ชายคนนี้คือสมาชิกในโครงการแปรรูปหมูแดดเดียวที่ไม่ผ่านการพิจารณาชื่อว่า นายทวิช พรมแดง
คณะกรรมการจึงได้เรียกตัวนายทวิชเพื่อสอบถามความเข้าใจของโครงการที่เสนอของบประมาณมาจำนวน 45,000 บาท แต่นายทวิกลับไม่รู้เรื่องใดๆทั้งสินทั้งที่มีชื่อเป็นรองประธานกลุ่มและปฏิเสธว่าลายเซ็นนั้นก็ไม่ใช่ ลายมือชื่อตนเอง
ดังนั้นคณะกรรมการจึงนำนายทวิชเข้าพบกับนายอำเภอละแมเพื่อรายงานให้ทราบและนายอำเภอละแมได้สอบถามนายทวิชอีกครั้งซึ่งก็ได้คำตอบแบบเดิมจึงให้เกษตรอำเภอทำบันทึก ปค.14 ยกเลิกโครงการ
นางสาวราตรีบอกว่าจากนั้นเกษตรอำเภอได้มอบหมายให้เธอช่วยบันทึก ปค.14 ดังกล่าว เธอจึงได้พานายทวิชมาที่สำนักงานประมงอำเภอเพื่อดำเนินการทำบันทึกขณะที่กำลังสอบถามและกำลังเขียนบันทึกอยู่นั้นได้มี ผู้ใหญ่บ้านหญิง
เดินเข้ามาและได้ยื้อแย่งเอกสารโครงการไปฉีกขยำทิ้งถังขยะ เธอจึงได้โทรศัพท์แจ้งเกษตรอำเภอให้มาดำเนินการบันทึก ปค.14 ด้วยตนเอง ผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวยังได้เดินตามไปหยิบเอกสารโครงการอีกชุดไปฉีกทำลายและได้เดินออกจากสำนักงานไป อย่างฮึกเหิม
หลังจากนั้นวันที่ 10 ส.ค.61 เธอได้ไปแจ้งความที่ สภ.ละแม เกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นและได้ทำบันทึกข้อความถึงนายอำเภอละแมเพื่อเรียนให้ทราบ แล้วในวันที่ 14 ส.ค.61 ได้นำเอกสารไปร้องเรียนยังจังหวัดชุมพรโดยมีจ่าจังหวัดเป็นผู้รับเรื่องและได้ทำหนังสือถึงนายอำเภอและได้แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง
จนมาถึงวันที่ 8 ก.ย.61 มีโทรศัพท์จากผู้ใหญ่คนหนึ่งในอำเภอละแมว่าขอให้เธอยอมความไม่ให้ดำเนินการกับผู้ใหญ่บ้านหญิงคนนั้นมิฉะนั้นจะปลุกระดมกำนันผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านในอำเภอละแมให้ออกมาขับไล่เธอ ให้ออกจากพื้นที่อำเภอละแม
ผู้ใหญ่คนดังกล่าวอ้างว่าเป็นเพราะเธอไปรังแกคนของชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน แต่เธอไม่ยอมจึงเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.ละแม เพื่อดำเนินคดีกับผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวด้วย
ประมงอำเภอละแมบอกว่าต่อมาวันที่ 14 ก.ย.61 ได้มีการเรียกประชุมคณะชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอละแม และเธอได้ทราบข้อมูลจากผู้ร่วมประชุมบางคนแจ้งให้ทราบว่าจะมีการให้ผู้ใหญ่บ้านรวมตัวกันขับไล่ตนเองแต่ผู้ใหญ่บ้านส่วนใหญ่ไม่ร่วมด้วย จึงมีการหารือข้อที่ 2 ว่าจะขอมาเคลียร์ให้เธอยุติการร้องเรียนหากไม่ยอมก็จะหาทาง ย้ายเธอออกจากพื้นที่ให้ได้
กรณีนี้แม้โครงการดังกล่าวจะยังไม่มีการพิจารณาอนุมัติและนำเงินงบประมาณออกมาใช้จึงยังไม่เข้าข่ายการทุจริตคอรัปชั่น แต่ก็ได้ส่อเจตนาให้เห็นอย่างชัดเจนได้มีการนำชื่อบุคคลอื่นที่ไม่รู้เรื่องและเซ็นลายมือชื่อปลอมเป็นกรรมการและรองประธานโครงการกลุ่มฯเพื่อเสนอโครงการของบประมาณนำเงินออกมาใช้
ผู้เกี่ยวข้องตั้งแต่ระดับอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด ควรจะสะสางปัญหาอย่างโปร่งใสตรงไปตรงมาจริงจังและป้องกันปัญหาความไม่ชอบมาพากลในลักษณะนี้เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก
เรื่องนี้ต้องฝากถึง นายวิบูลย์ รัตนาภรณ์วงศ์ ผวจ.ชุมพร ที่จะต้องออกมาปกป้องข้าราชการดีๆให้ได้มีขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป อย่าให้เขาต้องสู้อย่างโดดเดี่ยวเหมือนถูกลอยแพจนหมดความอดทนต้องลุกขึ้นมาต่อสู้ร้องเรียนขอความเป็นธรรมเช่นนี้ จึงต้องติดตามต่อไปอย่างไม่กระพริบตา.