ข่าวเด่น ฐานชุมพร

แม่“น้องปอนด์”นศ.ศิลปากร กลับบ้านน้ำตาคลอ บอกลูกที่อยู่ในโลงศพศาลตัดสินให้ความเป็นธรรมแก่ลูกแล้ว

แม่ “น้องปอนด์” นักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากร กลับบ้านน้ำตาคลอบอกลูกที่อยู่ในโลงศพศาลตัดสินให้ความเป็นธรรมแก่ลูกแล้วหลังมือฆ่าถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต เปิดใจขอยื่นอุทธรณ์เพราะบางคนร่วมก่อคดีโหดรับโทษยังไม่สาสม

จากคดีฆาตกรรมสุดโหดเหี้ยมเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2560  กลุ่มวัยรุ่นกว่า 10 คน ได้บุกหอพักในพื้นที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ทำร้ายคู่อริแต่ไม่เจอจึงได้ลงมือทำร้ายและฆ่า นายธีรพงศ์ ฐิตะฐาน หรือ น้องปอนด์ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 58/1 หมู่ 2 ตำบลตะโก อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ซึ่งขณะนั้นนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตเพชรบุรี และเป็นเพื่อของคู่อริที่กลุ่มคนร้ายจะเข้าไปทำร้ายที่ต้องมารับเคราะห์กรรมแทนเพื่อน โดยคนร้ายใช้ไขควงแทงที่ขมับน้องปอนด์ขณะที่กำลังนอนหลับอยู่จนเสียชีวิต ละกลุ่มผู้ก่อเหตุมีอิทธิพลเป็นถึงลูกเศรษฐีและนายตำรวจทำให้นางอารีรัตน์ ฐิตะฐาน ผู้เป็นแม่ของน้องปอนด์และญาติๆได้ร้องเรียนสื่อมวลชนที่ จ.ชุมพร จนเรื่องราวถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีการโอนคดีจากท้องที่ไปให้กับตำรวจกองปราบปราม รับผิดชอบ  และตลอดเกือบ 2 ปี ผู้เป็นแม่และญาติได้ติดตามการสืบสวนสอบสวนของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างใกล้ชิดเพื่อขอความเป็นธรรมให้กับนายธีรพงศ์ ฐิตะฐาน หรือ น้องปอนด์  และได้นำศพน้องปอนด์บรรจุโลงเก็บไว้ในบ้านเลขที่ 58/1 หมู่ 2 ตำบลตะโก อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร โดยไม่เผาเพื่อเรียกร้องรอความยุติธรรมให้กับน้องปอนด์

กระทั่งเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2561  ศาลอาญา รัชดาภิเษก นัดฟังคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4   เป็นโจทก์ฟ้องจำเลย 14 คนที่ร่วมก่อเหตุ คือ 1. นายกรกนก วรัญญสาธิต หรือ อาร์ท 2. นายเดชาธร มูลมณี หรือ ไบร์ท 3. สิบตรี ชรินทร แก่สาร หรือ บิ๊ก  4. นายญาณวัฒน์ ทิพย์เที่ยงแท้ หรือ ปาล์ม 5. นายเรวัติ วงศ์ขยาย หรือ เต้ย 6. นายกฤตนันท์ เนียมเงิน หรือ ปาล์ม  7. นายเศรษฐา อุปถัมภ์ หรือ เปิ้ล 8. นายธีราพัฒน์ โพธ์สุทธิ์ หรือ อั้ม 9. นายธีรธานนท์ ทัพนาค หรือ นนท์ 10. นายภาคิน เสือนาค หรือ มิค 11. นายศุภสิทธิ์ ตีท้วม หรือ แป้ง 12. นายอธิบ กุญแจทอง หรือ ซิม 13. นายชินกิตติ์ อรรถวรรธน หรือ กิต และ 14. น.ส.มาริสา เงินทอง หรือ ลูกหมี โดยมีนางอารีรัตน์ ฐิตะฐาน ซึ่งเป็นแม่ของน้องปอนด์ และญาติ ได้เดินทางจากจังหวัดชุมพร เพื่อเข้าไปรับฟังคำพิพากษาตัดสินกับจำเลยทั้ง 14 คน

ทั้งนี้ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า จำเลยที่ 1 ถึง 13 ได้กระทำการตามฟ้องจริงจึงพิพากษาให้จำเลยที่ 1 จำคุกตลอดชีวิตฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นส่วนจำเลยที่ 2 ให้จำคุก 25 ปี 6 เดือน ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นและบุกรุกเคหสถาน จำเลยที่ 3, 10 และ 12 สั่งจำคุกคนละ 1 ปี ฐานบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนโดยใช้กำลังประทุษร้าย จำเลยที่ 4, 5, 6 และ 11 สั่งจำคุก 11 ปี ฐานบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนและร่วมกันทำร้ายร่างกาย เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายฯ จำเลยที่ 7, 8, 9 และ 13 สั่งจำคุก คนละ 10 ปี 6 เดือน ฐานร่วมกันทำร้ายผู้อื่น

 นอกจากนี้ ศาลสั่งให้จำเลยที่ 1-13 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่เจ้าของหอพักที่เกิดเหตุ เป็นเงิน 150,000 บาท, เจ้าของห้องที่เกิดเหตุและเป็นหนึ่งในผู้บาดเจ็บ 125,000 บาท ผู้บาดเจ็บอีก 1 ราย 95,000 บาท และแม่ของน้องปอนด์ ผู้ตาย เป็นเงิน 6,870,000 บาท และให้ชำระดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2560 จนกว่าจะชำระเงินทั้งหมดได้ครบถ้วน และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 14 เนื่องจากเป็นผู้ที่พักอาศัยในหอพักที่เกิดเหตุ รวมทั้งไม่ได้ลงจากรถของจำเลยไปร่วมก่อเหตุด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหัดชุมพรเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 61 นางอารีรัตน์ ฐิตะฐาน  แม่ของน้องปอนด์ ได้เดินทางกลับมาถึงบ้านเลขที่ 58/1 หมู่ 2 ตำบลโก อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ซึ่งเป็นบ้านที่เก็บศพน้องปอนด์ไว้ในโลงเย็นห้องโถงภายในบ้าน ซึ่งทันที่ทางนางอารีรัตน์มาถึงได้นำรูปของน้องปอนด์ซึ่งนำไปไปฟังคำพิพากษาด้วย มาแขวนไว้ฝาผนัง จุดธูป แล้วเคาะโลงบอกน้องปอนด์พร้อมกับพูดว่า “ศาลได้ตัดสินคดีให้ความชอบธรรมแก่ลูกแล้ว ขอให้ลูกรู้ว่าแม่รักลูก และขอให้เกิดมาเป็นลูกของแม่อีกทุกชาติ”           

นางอารีรัตน์เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าหลังจากที่ไปรับฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้นทางตนและญาติก็พอใจในระดับหนึ่ง แต่ยอมรับว่าผู้ร่วมก่อเหตุบางคนยังได้รับโทษน้อยเกินไปกับการร่วมกระทำที่ทำกับลูกชายอย่างโหดเหี้ยมทารุณ ซึ่งทางครอบครัวได้กลับมาทบทวนและสรุปกันแล้วว่าจะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลต่อ เพราะต้องการให้ศาลอุทธรณ์ได้ตัดสินลงโทษกับผู้ร่วมก่อเหตุให้สาสมมากกว่านี้ และจะดำเนินการให้ถึงที่สุดเพื่อความชอบธรรมและความเป็นธรรมให้กับลูกชายที่ก่อนหน้าถูกกล่าวหาว่าเป็นคนไม่ดีไปก่อเหตุจนถูกคู่อริตามมาเอาคืน ตอนนี้สังคมก็ได้รับรู้แล้วผู้ก่อเหตุได้รับโทษลูกก็หมดมลทินแต่ก็ให้ถึงที่สุดก่อน แล้วจะทำพิธีฌาปนกิจน้องปอนด์ต่อไป

นางอารีรัตน์ กล่าวว่าอยากจะบอกให้กับผู้ปกครองทุกคนขออย่าช่วยเหลือหรือปกป้องลูกอย่างผิดๆเพราะเมื่อลูกทำผิดก็ยอมรับสารภาพกับเหตุที่ก่อเพราะอย่างน้อยหนักจะได้เป็นเบา แต่ก็ไม่โทษพ่อแม่เค้าอย่างเดียวเพราะพ่อแม่อาจไม่รู้ว่าลูกทำอะไร แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์แล้วพ่อแม่ทุกฝ่ายก็จะทุกข์เหมือนกันอีกฝ่ายทุกข์ที่สูญเสียลูก ส่วนอีกฝ่ายทุกข์ที่ลูกจะต้องติดคุกติดตาราง ลูกเขาลูกเราก็หมดอนาคตทั้งคู่ อยากจะบอกเด็กๆว่า ทำอะไรก็ขอให้คิดถึงหัวอกพ่อแม่บ้าง กว่าจะเลี้ยงโตมาได้ขนาดนี้หมดไปเท่าไหร่ แม่ลำบากเท่าไหร่ และเมื่อเกิดเหตุแบบนี้ความทุกข์ก็ตกต่อครอบครัว

นางอารีรัตน์ กล่าวอีกว่าตอนที่ไปศาลอาญาได้กลิ่นธูปโชยมาแตะจมูกทุกคน แม้แต่ตอนไปกินอาหารซึ่งเป็นร้านและอาหารที่น้องปอนด์ชอบมานั่งมากินอาหารก็ได้กลิ่นธูปโชยมาอีก เสมือนว่าน้องปอนด์ได้มาฟังคำตัดสินและมานั่งกินอาหารด้วยกันด้วย

นาอารีรัตน์ยังกล่าวทิ้งท้ายอีกว่าถึงแม้วันนี้จะผ่านไปได้ด้วยดีแต่ก็ยอมรับว่ายังทำใจไม่ได้กับความสูญเสีย ยังคิดว่าน้องปอนด์ยังอยู่กับแม่ เสื้อผ้าที่ตั้งอยู่ที่หน้าหีบศพ 1 อาทิตย์ จะนำไปซักและเปลี่ยนชุดใหม่มาวางให้ โทรศัพท์มือถือน้องปอนด์ ก็จะเปิดเครื่องไว้ โดยทุกคืนจะนำไปชาร์จ และตอนเช้าจะนำมาวางไว้ ส่วนอาหารการกินจะทำอาหารที่น้องปอนด์ชอบมาวางไว้บนหีบศพ ซึ่งตนและพี่ชายและน้องชายของน้องปอนด์ จะช่วยกันทำให้ แม้กระทั้งในห้องนอนทุกอย่างยังอยู่ครบและทำความสะอาดให้เป็นประจำ.