ฐานชุมพร เกษตรกรรม สิ่งแวดล้อม

ครม.ดัน กฟผ.ซื้อน้ำมันปาล์มดิบผลิตไฟฟ้ากว่าแสนตันขยับราคาขึ้นกก.3.20 บาท หลังดิ่งเหวในรอบ 20 ปี

 

รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานเผยราคาปาล์มตกต่ำในรอบ 20 ปี เร่งรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ 160,000 ตัน ใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงงานไฟฟ้าบางปะกง หวังดึงราคากิโลกรัมละ 3.20 บาท ขณะที่นโยบายช่วยค่าครองชีพ 1,500 บาท/ไร่ เกษตรกรบอกได้ไม่ทั่วถึง

วันที่ 7 ธ.ค.61 นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน นายธวัชชัย จักรไฟศาล รองผู้ว่าการเชื้อเพลิง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) นายยุงยุทธ ปรีชม ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตโรงไฟฟ้าบางปะกง พร้อมคณะได้เดินทางมาพบปะผู้ประกอบการบริษัท ชุมพร อุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จํากัด (มหาชน) ตำบลสลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร โดยมี นายสนิท ศรีวิหค รอง ผวจงชุมพร นายกฤษฏ์พงศ์ ตากวิริยะนันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชุมพร อุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จํากัด (มหาชน) ให้การต้อนรับ ก่อนออกตรวจเยี่ยม ลานเทและจุดรับซื้อปาล์มน้ำมัน พื้นที่ และพบปะกับเกษตรกรที่บ้านตาเงาะ ตำบลสลุย อำเภอท่าแซะ  เพื่อให้ความมั่นใจว่าการซื้อ น้ำมันปาล์มเพื่อใช้ผลิตไฟฟ้าสำหรับโรงไฟฟ้าบางปะกงในครั้งนี้สามารถช่วยเหลือถึงเกษตรกรชาวสวนปาล์ม ได้โดยตรงตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี โดยกรมการค้าภายในมีส่วนร่วมดำเนินการในการจัดซื้อ ณ จุดส่งมอบท่าเรือ โรงสกัด ลานเท ไปถึงเกษตรกรโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มของจังหวัดชุมพร

ทั้งนี้สืบเนื่องจาก ครม.มีมติให้ กฟผ.รับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ จาก แหล่งผลิตปาล์มสำคัญ เช่น จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี และ กระบี่ นำไปเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้า เพื่อลดปริมาณ สต็อก ส่วนเกิน ให้เกิดความสมดุลระหว่างปริมาณการผลิตและความต้องการใช้  นั้น  กระทรวงพลังงาน  และ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย  จึงได้ตกลงที่จะนำน้ำมันปาล์มดิบ จำนวน 160,000 ตัน ไปเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้า  ให้กับโรงไฟฟ้าบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา  โดย กฟผ. จะใช้เงินในการซื้อน้ำมันปาล์มดิบ จำนวน 2,880 ล้านบาท ซึ่งเป็นต้นทุนเชื้อเพลิงสูงกว่าค่าไฟฟ้า 1,354 ล้านบาท แต่เพื่อไม่ให้กระทบต่อค่าไฟฟ้าของประชาชน ส่วนต่างดังกล่าวจะได้รับการชดเชยต้นทุนจากกระทรวงพาณิชย์ 525 ล้านบาท

นอกจากนี้ในส่วนของรัฐบาล ได้มีนโยบายช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน อนุมัติงบ 3,458 ล้านบาท ช่วยชาวสวนปาล์ม1,500บาทต่อไร่ รวม 1.5 แสนราย โดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบการดำเนินโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน เพื่อช่วยบรรเทาภาระของเกษตรกร ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2561 โดยกรมส่งเสริมการเกษตร เสนอ เพื่อเป็นการลดภาระค่าครองชีพ ควบคู่ไปกับการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน ให้สามารถรักษาศักยภาพการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยจะช่วยเหลือค่าครองชีพให้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันที่มีปาล์มน้ำมันซึ่งให้ผลผลิตแล้ว (อายุมากกว่า 3 ปี) และขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตร จำนวน 150,000 ราย พื้นที่ไม่เกิน 2,250,000 ไร่ โดยให้ความช่วยเหลือตามพื้นที่ปลูกจริง ในอัตราไร่ละ 1,500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 15 ไร่ วงเงินรวมทั้งสิ้น 3,458,206,250 บาท ระยะเวลาดำเนินโครงการ 10 เดือน ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 – กันยายน 2562 คาดว่า จะดำเนินการแล้วเสร็จได้ภายใน 3 เดือน อีกด้วย

นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่าการเดินทางมาในครั้งนี้ต้องการนำคณะผู้เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงพลังงาน กรมการค้าภายใน กฟผ. มาตรวจเยี่ยมดูความพร้อมเพิ่มความมั่นใจเกี่ยวกับการซื้อน้ำมันปาล์มดิบไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าบางปะกง เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำเนื่องจากทั้งปัจจัยภายในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนนี้คือระหว่างเดือนธันวาคม มกราคม กุมภาพันธ์ ของทุกปีจะมีผลิตปาล์มน้ำมันออกสู่ตลาดเยอะมากได้ส่งผลกระทบต่อราคา  จึงได้มีนโยบายช่วยเหลือเกษตรกรโดยการซื้อน้ำมันปาล์มดิบประมาณ 160,000 ตัน ไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าบางปะกง ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างเกษตรกรชาวสวน ผู้ประกอบการจุดรับซื้อหรือลานเท และโรงงานสกัด  พร้อมจะเร่งดำเนินการใน 2-3 สัปดาห์นี้ ซึ่งจะรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบในราคากิโลกรัมละ 18 บาท สำหรับมาตรการนี้จะย้อนกลับไปถึงเกษตรกรสามารถขายผลผลิตปาล์มสดได้กิโลกรัมละ 3.00-3.20 บาท ดังนั้นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รอขายผลผลิตในราคาดังกล่าวได้เลย

นายศิริ กล่าวว่านอกจากนั้นขณะนี้เรายังได้ดำเนินการสนับสนุนส่งเสริมให้สถานบริการน้ำมันจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซลบี 20 ซึ่งได้รับความร่วมมือจากค่ายรถใหญ่เป็นอย่างดีวซึ่งมีราคูกกว่าน้ำมันดีเซลปกติถึง 5 บาท  ขณะนี้มีรถยนต์ใช้น้ำมันไบโอดีเซลบี 20 วิ่งอยู่บนถนนมากกว่า 1 แสนคันแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่ ครม.มีมติให้เร่งเรื่องการใช้น้ำมีนไบโอดีเซลบี 10 นั้น จะดำเนินการอย่างไรและจะสามารถประกาศใช้ได้เมื่อไร นายศิริกล่าวสำหรับไบโอดีเซลบี 10 มีปัญหาติดอยู่ที่เรื่องค่ายรถยนต์ เนื่องจากประเทศไทยเราผลิตรถยนต์ 2 ล้านคัน ใช้ในประเทศ  6 แสนคัน ที่เหลือกว่า 1 ล้านคันส่งออกต่างประเทศ ดังนั้นมาตรฐานยานยนต์ของเราก็ต้องเป็นไปตามมาตรฐานโลก ซึ่งมาตรฐานยานยนต์ของโลกตอนนี้ใช้ได้เพียงน้ำมันไบโอดีเซล บี 7 เท่านั้น ซึ่งคาดว่าบี 10 นั้นจะต้องรอไปอีกนานหลายปี ดังนั้นเราจึงมาใช้น้ำมันบี 20 ไปก่อน โดยไม่ต้องรอ เพื่อให้ส่งผลต่อการช่วยเกษตรกรได้โดยตรง ซึ่งขณะนี้ทราบว่าราคาผลผลิตปาล์มตกต่ำมากที่สุดในรอบ 20 ปีเลยทีเดียว  ฉะนั้นมาตรการใช้น้ำมันบี 20 และนำน้ำมันดิบไปใช้ผลิตเป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าบางปะกงจะสามารถช่วยดึงราคาปาล์มน้ำมันให้กับเกษตรกรได้ในราคา กก.ละ 3.00 – 3.20 บาท อย่างแน่นอน

ด้านนายสมโภชน์ แก้วสกุล อายุ 35 ปี กล่าวว่าตนมีสวนปาล์มน้ำมัน 50 ไร่ ขณะนี้ขายผลิตปาล์มสดได้เพียงกิโลกรัมละ 2.40 บาท  ได้รับเดือดร้อนมากเนื่องจากต้นทุนการผลิตสูงทั้งค่าขนส่ง ค่าปุ๋ย และอื่นๆ ส่วนราคาที่ชาวสวนอยู่ได้จริงๆนั้นควรจะอยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 5 บาท จึงจะเหมาะสมกับค่าครองชีพในยุคปัจจุบันนี้  สำหรับนโยบายที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีโครงการช่วยเหลือบรรเทาค่าครองชีพ 1,500 บาท / ไร่นั้น ตนพอใจในระดับหนึ่ง แต่จริงๆแล้วอยากให้ช่วยเหลือเรื่องราคามากกว่าเพราะเกษตรกรชาวสวนปาล์มจะได้กันอย่างทั่วถึงทุกคน เนื่องจากบางคนมีสวนปาล์มอยู่ในที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ์และมีข้อจำกัดอื่นๆในบางประการ จึงได้รับการช่วยเหลือตามมาตรการนี้.