ฐานชุมพร เศรษฐกิจ การเมือง ต่างประเทศ

เจาะสนามเลือกตั้งเขต3ชุมพรมันหยดแน่

 

เจาะสนามเลือกตั้งเขต 3 ชุมพร มันหยดแน่ “ลูกช้าง” อดีตนายก อบจ. พี่ชาย “ลูกหมี” คนสนิท “ลุงกำนัน” สวมเสื้อพรรครวมพลังประชาชาติไทย ท้าชนกับ “โกจ้าว” แชมป์เก่าประชาธิปัตย์

หลังจากที่ถูกจับตามองมานาน  เช้าวันที่ 7 ก.พ.62 นายสุพล จุลใส “ลูกช้าง” อดีตนายก อบจ.ชุมพร ที่ ได้ถือฤกษ์งามยามดีเดินทางมาสมัคร ส.ส.ชุมพร เขต 3 สังกัดพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ได้หมายเลข 24 โดยมีบรรดาหัวคะแนน กองเชียร์ ติดตามมาให้กำลังใจมากกว่า 300 คน ที่บริเวณหอประชุมศูนย์ราชการจังหวัดชุมพร  ภายหลังการยื่นใบสมัครเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นายสุพล จุลใส “ลูกช้าง” ได้ลงมาพบกับบรรดาผู้สนับสนุนที่มารอให้กำลังใจอย่างคับคั่ง

สำหรับการเลือกตั้งในครั้งนี้ที่หลายฝ่ายจับตามองไปที่ นายสุพล จุลใส “ลูกช้าง” เนื่องมาจากผู้เป็นน้องชายคือ นายชุมพล จุลใส หรือ “ลูกหมี” ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) อดีตแกนนำ กปปส.คนสำคัญของภาคใต้ และมีฐานเสียงเหนียวแน่นอยู่ในทุกพื้นที่ของ จ.ชุมพร ซึ่งมีความสนิทแนบแน่นเรียกได้ว่าเป็นจอมยุทธ์คู่กายของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือ “ลุงกำนัน” อดีตหัวขบวนใหญ่กลุ่ม กปปส.และนายสุเทพยังเป็นแกนนำสำคัญในการก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทยอีกด้วย   ดังนั้น “ลูกหมี” ซึ่งเป็นน้องชายของ  “ลูกช้าง” ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 พรรครวมพลังประชาชาติไทย จึงต้องถูกจับตามองเป็นพิเศษ โดยเฉพาะคนของพรรคประชาธิปัตย์

ก่อนหน้านี้ “ลูกหมี”  ถูกแกนนำและกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์บางคนออกมากดดันเพื่อไม่ให้พรรคส่ง “ลูกหมี” ลงสมัคร ส.ส.สังกัดพรรค  จากกรณีปัญหาที่ นายสุพล จุลใส “ลูกช้าง” นายก อบจ.ชุมพร พี่ชายแท้ๆของ “ลูกหมี” ซึ่งได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ แล้วไปอยู่สังกัดพรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่มี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นแกนนำร่วมก่อตั้ง  โดย “ลูกช้าง” ได้เปิดตัวลงสมัคร ส.ส.ชุมพร เขต 3 แข่งกับแชมป์เก่าหลายสมัยของพรรคประชาธิปัตย์ คือนายธีระชาติ ปางวิรุฬรักษ์ หรือ “โกจ้าว”

กระทั่งในที่สุด “ลูกหมี” ทนต่อแรงกดดันไม่ไหวเนื่องจากอนาคตทางการเมืองเกิดความไม่แน่นอน เพราะหากถูกพรรคตัดสิทธิ์ไม่ให้ลงสมัคร ส.ส. ก็จะไม่สามารถเข้าสังกัดพรรคการเมืองอื่นได้ทันเวลาตามที่กฎหมายกำหนด  จึงต้องออกตัวสุดแรงตั้งโต๊ะแถลงข่าวที่ จ.ชุมพร ฉากหลังเป็นป้ายไวนิลขนาดใหญ่เปิดหัวข้อตั้งคำถามว่า “จะให้ผมทำอย่างไร” เพื่อสื่อสารผ่านไปถึงผู้บริหารและแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ จนเป็นข่าวใหญ่จากสื่อหลายสำนักเขียนวิเคราะห์เจาะลึกกันไปต่างๆนาๆ กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความแตกแยกภายในพรรคประชาธิปัตย์รุนแรงมากขึ้น

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จึงต้องเรียก “ลูกหมี” เข้าไปพูดคุยทำความเข้าใจและให้ “ลูกหมี” ลงสมัคร ส.ส.ในนามพรรคต่อไปได้  แต่มีเงื่อนไขข้อห้ามหลายประการที่ “ลูกหมี” ต้องยึดและปฏิบัติอย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้สมาชิกพรรคและประชาชนหลงผิด เกิดความสับสนต่อพรรคประชาธิปัตย์และห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับ “ลูกช้าง” ผู้พี่ชายที่ลงสมัครในเขต 3 อย่างเด็ดขาด

จังหวัดชุมพร มี 3 เขตเลือกตั้ง การรับสมัครเลือกตั้งในครั้งนี้มีผู้มาสมัคร ส.ส.มากกว่า 80 คน จากหลายพรรคการเมือง  ทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมายังไม่มีพรรคการเมืองใดสามารถชิงเก้าอี้ ส.ส.ไปจากพรรคประชาธิปัตย์ได้  ชุมพรจึงเป็นจังหวัดหนึ่งของภาคใต้ที่ถูกเปรียบเปรยว่าพรรคประชาธิปัตย์ส่งเสาไฟฟ้าลงก็เป็น ส.ส.ได้  ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่ “ลูกช้าง” จะล้ม “โกจ้าว” แชมป์เก่าได้อย่างที่คอการเมืองวิเคราะห์กันไว้  ขณะที่ “ลูกช้าง” ก็ไม่ใช่ “หมู” ที่ โกจ้าว” จะอาชนะได้ง่ายๆเหมือนคู่ต่อสู้ของพรรคประชาธิปัตย์ในยุคก่อนๆที่ผ่านมาๆเช่นกัน

นายสุพล จุลใส “ลูกช้าง” กล่าวว่าตนมีความมั่นใจที่สมัคร ส.ส.เขต 3 พรรครวมพลังประชาชาติไทย ว่าจะสามารถเอาชนะผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ได้ และขอฝากไปยังผู้สมัคร ส.ส. เขต 3 ทุกคนด้วยว่าขอให้หาเสียงกันอย่างสร้างสัน อย่าได้กล่าวร้ายป้ายสีโจมตีกัน ซึ่งจะก่อให้เกิดความขัดแย้ง และหลังเลือกตั้งผ่านไปแล้วใครจะได้รับเลือกตั้งหรือไม่ก็ตามขอให้ทุกคนกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม เพื่อความสมานฉันท์สามัคคีของคนในชาติ

ขณะที่แชมป์เก่าหลายสมัย นายธีระชาติ ปางวิรุฬรักษ์ หรือ “โกจ้าว” ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 หมายเลข 8 พรรคประชาธิปัตย์  ซึ่งได้สมัครไปก่อนแล้วในวันแรก และผู้สื่อข่าวได้ขอสัมภาษณ์ในวันนั้น แต่นายธีระชาติได้ให้คนสนิทบอกว่าเพิ่งจะผ่าตัดไทรอยด์ที่ลำคอมาจึงยังไม่สามารถใช้เสียงพูดคุยได้ตามปกติและแพทย์สั่งห้ามให้งดใช้เสียงในช่วงนี้

ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้ เขตเลือกตั้งที่ 3 ชุมพร จึงเป็นพื้นที่ถูกจับตามองมากที่สุดจากประชาชนในจังหวัดและคอการเมืองทั่วประเทศ ระหว่าง “ลูกช้าง” พรรครวมพลังประชาชาติไทย กับ “โกจ้าว” พรรคประชาธิปัตย์ วันที่ 24 มีนาคม 2562  เป็นวันตัดสินและถือว่าจะเป็นการวัดบารมีกันระหว่าง นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ กับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อีกด้วย.