ข่าวเด่น ฐานชุมพร

โวยรถชนกัน3คันเสียหลักพุ่งทะลุบ้านเสียหายหนักทำเดือดร้อนยังไร้ความรับผิดชอบ

แม่ค้าอาหารตามสั่งโวยรถยนต์ชนกัน 3 คัน แล้วพุ่งเข้าชนบ้านทะลุถึงห้องนอนเป็นช่องโป๋ขนาดใหญ่ ข้าวของทรัพย์สินพังเสียหายอย่างหนัก ผ่านไปเกือบครึ่งเดือนยังไร้ผู้รับผิดชอบไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกตกทำเดือดร้อนอย่างมาก

วันที่ 15 ก.พ.62 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากแม่ค้าร้านอาหารตามสั่งเดือดร้อนอย่างหนักบ้านถูกรถกระบะพุ่งชนพังเป็นรูโบ๋ขนาดใหญ่ทะลุถึงห้องนอนเสียหายยับเยินไม่มีเงินซ่อมต้องใช้ผ้าใบมาปิดฝาผนังเพราะคดีล่าช้า  โดยเหตุการณ์ดังกล่าวได้รับการเปิดเผยจาก นางสาวขวัญฤดี จำปาทอง อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 281/6 หมู่ 3 ตำบลเขาค่าย อ.สวี จ.ชุมพร ว่าตนเองเปิดร้านขายอาหารตามสั่งโดยใช้พื้นที่หน้าบ้านต่อเป็นโรงเรือนใกล้กับถนนลาดยางในหมู่บ้านมานานกว่า 5 ปีแล้ว  กระทั่งเมื่อวันที่ 5 ก.พ.62 เวลาประมาณ 11 โมงเศษ หลังจากที่ตนกำลังทำอาหารตามสั่งให้ลูกค้าเสร็จก็ได้มานั่งเล่นกับลูกอยู่บริเวณหน้าบ้านได้สักครู่ต่อมาได้ยินเสียงรถยนต์ชนกันดังโครมใหญ่เมื่อหันไปดูได้เห็นรถยนต์ 2-3 คันชนกันแล้วเสียหลักไปคนละทิศละทาง

นางสาวขวัญฤดีกล่าวว่าตนเองตกใจมากได้อุ้มลูกน้อยไว้กับอกหนีไปไหนไม่ถูก เพราะเห็นรถยนต์ที่เสียหลักพลิกคว่ำหมุนเคว้งมาทางตนก่อนจะแน่นิ่งอยู่ที่หน้าร้านค้าใกล้กับบ้านตน และไม่กี่วินาทีต่อมาได้มีมีรถยนต์อีกคันเสียหลักพุ่งตรงเข้ามาชนฝาผนังบ้านตนจนทะลุเข้าไปถึงห้องนอนภายในบ้านทำให้ข้าวของ ตู้เย็น รถจักรยานยนต์ที่จอดในบ้านพัง และทรัพย์สินอื่นๆพังเสียหายอีกจำนวนมาก แต่ก็ยังโชคดีที่รถยนต์ไม่พุ่งไปชนถึงที่นอนของพี่ชายซึ่งป่วยทาวสมองจากอุบัติเหตุรถชนในห้องนอนติดกัน ขณะนั้นภายในบ้านมีแม่ญาติพี่น้องอยู่กัน 4 คน โชคดีทุกคนปลอดภัย

นางสาวขวัญฤดีกล่าวต่อว่าหลังจากที่เกิดเหตุตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เกือบ 2 สัปดาห์ดาแล้ว ยังไม่มีใครออกมารับผิดชอบค่าเสียหาย ตนเองได้สอบถามไปที่ตำรวจก็ได้รับคำตอบว่าทางผู้ต้องหาที่ขับชนบ้านได้ให้การปฏิเสธที่จะรับผิดชอบโดยอ้างว่าเขาไม่ได้ผิดเพราะรถยนต์อีกคันคันที่หมุนพลิกเคว้งแล้วพลิกคว่ำได้ขับมาชนเขาก่อนจนต้องเสียหลักพุ่งเข้าไปชนบ้านของตนจึงต้องรอส่งฟ้องศาลพิพากษาคดี  ซึ่งทำให้ตนเองและครอบครัวเดือดร้อนอย่างหนักเพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นต้องใช้เงินจำนวนมากในการซ่อมแซม ตนเองเป็นแม่ค้าหาเช้ากินค่ำไม่มีเงินพอที่จะมาซ่อมแซมบ้านที่พังเสียหายได้  ตอนนี้ก็แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าคือซื้อผ้าใบมาปิดกั้นผนังปูนที่เป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่เพื่อบังแดดบังฝนไปก่อน จึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่เร่งรัดคดีเพื่อให้ผู้ก่อเหตุได้เข้ามาชดใช้และเยียวยากับครอบครัวตนให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้ใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขดังเดิม

ต่อมาทางผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ ร.ต.อ.สัมฤทธิ์ ศักดิ์แสง รอง สว.(สอบสวน)สภ.นาสัก อ.สวี จ.ชุมพร เจ้าของคดี ได้เปิดเผยว่า จากการสอบสวนสถานที่เกิดเหตุเป็นถนนในหมู่บ้าน 2 เลนรถวิ่งสวนทางกัน และก่อนเกิดเหตุได้มีรถยนต์ขับตามกันมา 4 คัน โดยรถคันที่ 4 เป็นคันสุดท้ายที่ตามหลังมาได้ขับแซงคันที่ 3 แล้วกำลังจะขับแซงคันที่ 2 แต่เป็นจังหวะที่รถคันที่ 2 ก็กำลังจะแซงรถคันที่ 1 พอดี  จึงทำให้รถคันที่ 4 และคัน 2 เกิดชนกันแล้วพุ่งไปชนคันที่ 1 ก่อนรถยนต์ทั้ง 3 คัน จะเสียหลักไปคนละทิศละทาง

ร.ต.อ.สัมฤทธิ์ กล่าวว่าทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวกับรถทั้งสองคันฐานความผิดคือขับรถโดยประมาทเป็นเหตุทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนและทรัพย์สินผู้อื่นได้รับความเสียหาย ส่วนรถคันที่ 4 เป็นรถที่มีประกันภัยได้ตกลงพร้อมยินดีชดใช้ค่าเสียหายให้กับทางนางสาวขวัญฤดีเจ้าของบ้าน แต่ต้องประเมินความเสียค่าตามความจริง  ส่วนทางรถยนต์คันที่ 2 ซึ่งไม่มีประกันยังให้การปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่าผู้ก่อเหตุคือรถยนต์คันที่ 4 ที่ขับรถโดยประมาทไม่ใช่มาจากตน แต่ยอมช่วยเยียวยาเป็นเงิน 3 หมื่นบาทให้กับทางนางสาวขวัญฤดีเป็นการเบื้องต้น อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าจะเร่งสรุปสำนวนส่งฟ้องต่อศาลเพื่อตัดสินคดีนี้ต่อไป.