นักศึกษาสาวหารายได้เสริมขายสินค้าทางออนไลน์ แจ้งความจับนักศึกษาสถาบันดังอ้างเป็นตัวแทนนำเข้าหน้ากากอนามัยเข้าจากประเทศเยอรมนี เป็นหลานสาวของข้าราชการใหญ่ แล้วเบี้ยวสูญเงินกว่า 6 แสน เผยมีคนเป็นเหยื่อกว่า 100 ราย เสียเงินเกือบ 3 ล้าน
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 8 เมษายน 2563 นางสาวกษิรพร (นามสกุลสมมุติ) อายุ 19 ปี บ้านอยู่ในเขตเทศบาลเมืองชุมพร เดินทางมาพร้อมเพื่อนนำหลักฐานต่างๆเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.ท.นิรนันท์ เนตรัก รอง สว.(สอบสวน)สภ.เมืองชุมพร กล่าวหา นางสาวศุภาราดา (นามสุกลสมมุติ) อายุ 26 ปี บ้านอยู่ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ เพื่อดำเนินฐานฉ้อโกงเงินกว่า 6 แสนบาท
นางสาวกษิรพร กล่าวว่าตนเองเป็นนักศึกษาเรียนอยู่สถาบันแห่งหนึ่งมีอาชีพเสริมหารายได้พิเศษระหว่างเรียนโดยขายสินค้าทางออนไลน์ ได้รวบรวมเงินจากเพื่อนๆสั่งซื้อหน้ากากอนามัยจาก นางสาวศุภารดา แย้มเกษตร ซึ่งเป็นนักศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐที่กรุงเทพฯ โดยสั่งซื้อจากทางทวิตเตอร์ที่เขาประกาศเป็นตัวแทนจำหน่าย เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคม 63 ที่ผ่านมา ซึ่งผู้ขายได้ส่งแบบตัวอย่างสินค้าให้ดูเป็นหน้ากากอนามัน 3 ชั้นแบบพรีเมียมเกรดเอ สั่งนำเข้าจากประเทศเยอรมนี โดยโอนเงินให้ไปหลายครั้งเนื่องจากผู้ขายบอกว่าจะต้องสั่งเพิ่มให้ได้ยอดรวมตามจำนวนออร์เดอร์จึงจะสั่งสินค้านำเข้ามาได้ รวมเป็นเงินกว่า 6 แสนบาท โดยจำนวนเงินทั้งหมดโอนเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย ในชื่อของนางสาวศุภาราดา แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่ได้รับสินค้าแม้แต่ชิ้นเดียว
นางสาวกษิรพร กล่าวว่าการที่ตนสั่งซื้อสินค้านั้นเพราะได้ตรวจสอบแล้วมีตัวตนจริงมีความน่าเชื่อถือและผู้ขายเรียนอยู่มหาวิทยาชื่อดังของรัฐอีกทั้งยังอ้างว่าผู้เป็นอาทำงานอยู่กรมศุลกากร และพ่อทำงานอยู่ที่ประเทศเยอรมนี หลังจากตนโอนเงินไปแล้วเมื่อโทรศัพท์สอบถามไปที่แม่และตัวของผู้ขายเพื่อทวงถามเกี่ยวกับสินค้าที่สั่งซื้อว่าทำไมไม่ส่งตามเวลานัดหมายและจะขอเงินทั้งหมดคืน ก็ถูกบ่ายเบี่ยงเรื่อยมาอ้างว่าเขาเองก็ได้จ่ายโอนเงินทั้งหมดให้กับผู้จำหน่ายสินค้าจากต้นทางที่ประเทศเยอรมนีไปแล้วและยังไม่มีการส่งสินค้ามาให้เขาเหมือนกัน โดยนางสาวศุภารดาได้โอนเงินคืนมาให้ตนกว่า 1 หมื่นบาท จนถึงขณะนี้ยังเหลือเงินอีกจำนวน 633,000 บาท โดยผู้เสียหายบอกว่าอยากได้ก็ไปฟ้องร้องเอาเอง เพราะเขาเองก็ถูกโกงมาเหมือนกัน
นางสาวกษิรพร กล่าวว่าตอนนี้มีผู้เสียหายจากกรณีนี้ตามจังหวัดต่างๆทั่วประเทศมีมากกว่า 100 คน ได้รวมตัวกันและทยอยเข้าแจ้งความแล้วหลายราย ตอนแรกคิดกันว่าจะรวมตัวกันไปร้องทุกข์ต่อหน่วยงานเกี่ยวข้องที่กรุงเทพมหานคร เนื่องจากเป็นการฉ้อโกงประชาชน แต่ติดปัญหาที่ขณะนี้มีโรคระบาดโควิด-19 และประกาศเคอร์ฟิว จึงไม่สามารถทำได้.
