ข่าวเด่น ฐานชุมพร

จับแก๊งใหญ่บางสะพานเอเย่นต์ยาบ้า-ไอซ์ยึดเงินติดสินบน2ล้าน

ตำรวจชุมพรจับแก๊งใหญ่บางสะพานเอเย่นต์ยาบ้า ไอซ์ พร้อมเงินสดติดสินบน 2 ล้านบาท

เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 11 สิงหาคม 2563 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร นายวิบูลย์ รัตนาภรณ์วงศ์ ผวจ.ชุมพร พล.ต.ต.วิมล พิทักษ์บูรพา ผบก.ภ.จว.ชุมพร  พล.ต.พรชัย อินทนู ผบ.มทบ.44  พ.ต.อ.ภาณุเดช ณ พัทลุง รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร พ.ต.อ.ธานี นาคหกวิค ผกก.สส.ภ.จว.ชุมพร, พ.ต.ท.ณัฐชัย พิณวานิช รอง หน.ชุดปราบปรามยาเสพติด ภ.จว.ชุมพร ชุดจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดประกอบด้วย นายพิทักษ์ ผุดสุวรรณ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 82 หมู่ที่ 14 ตำบลหงส์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร นายธนกฤษ พิริยะพงษ์สิริ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 135 หมู่ที่ 7 ตำบลร่อนทอง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายพีรภัทร พิริยะพงษ์สิริ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 215 ตำบลริมโขง อ.เชียงของ จ.เชียงราย และนางสาวเขมิกา เอี่ยมสะอาด อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 421 ตำบลร่อนทอง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมของกลาง ธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท จำนวน 2 ล้านบาท ยาบ้า 4,330 เม็ด ไอซ์ จำนวน  215.24 กรัม รถยนต์เก๋ง 4 คัน โทรศัพท์มือถือและสมุดธนาคารอีกจำนวนหนึ่ง มาแถลงผลการจับกุมต่อสื่อมวลชน

https://youtu.be/yqWUyuNy87I

พล.ต.ต.วิมลพิทักษ์บูรพาผบก.ภ.จว.ชุมพร เปิดเผยว่าสืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 7 ส.ค.63 ที่ผ่านมา ชุดปราบปรามยาเสพติดกองกับกับตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร ได้สืบทราบว่า นายพิทักษ์ ผุดสุวรรณ ผู้ต้องหาที่ 1 เป็นผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญของจังหวัดชุมพร จึงได้ทำการตรวจสอบจนสามารถจับกุมได้พร้อมด้วยไอซ์ชนิดเกล็ดใส บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส จำนวน  2 ถุง น้ำหนักรวมประมาณ 118.54 กรัม และยาบ้าบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกชนิดกดปิดเปิด จำนวน 11 ถุง รวมยาบ้า จำนวน 2,080 เม็ด

จากการสอบสวนนายพิทักษ์ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ค้ายาเสพติดจริงและค้ามานานหลายปีแล้วจนมีฐานะดี โดยยาเสพติดไม่ว่ายาบ้าหรือไอซ์จะไปรับมาจากแหล่งใหญ่ในพื้นที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งอยู่รอยต่อกับจังหวัดชุมพร โดยในเบื้องต้นทางตำรวจได้กล่าวหาว่า  มียาเสพติดให้โทษประเภท 1(ไอซ์,ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และตรวจยึดทรัพย์เพื่อตรวจสอบตาม พ.ร.บ.มาตรการ ฯ จำนวน 3 รายการ คือรถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน สีเทา ตอนครึ่ง ติดแผ่นป้ายทะเบียน บท 9582 ชุมพร สมุดบัญชีธนาคารออมสิน และบัตรเอทีเอ็มธนาคารออมสิน รวมมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 500,000 บาท 

พล.ต.ต.วิมล กล่าวว่าจากการจับกุมในครั้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับความร่วมมือจากนายพิทักษ์ที่จะช่วยขยายผลโดยติดต่อขอล่อซื้อยาเสพติดจากแหล่งใหญ่ให้เพื่อเป็นประโยชน์ในการขอลดโทษหนักเป็นเบา จนกระทั่งเมื่อวันที่ 9 ส.ค. 63 เวลาประมาณ 21.30  น.ได้มี นายธนกฤษ หรือ ไก่ พิริยะพงษ์สิริ อายุ 45 ปี นายพีรภัทร หรือพี พิริยะพงษ์สิริ อายุ 20 ปี ซึ่งเป็นพ่อลูกกัน ได้ขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า สีขาว หมายเลขทะเบียน กท6895 กรุงเทพมหานคร มายังจุดนัดพบบริเวณริมถนนสายเพชรเกษมเขตรอยต่อ จ.ชุมพร-ประจวบคีรีขันธ์  เจ้าหน้าที่จึงเข้าแสดงตัวก่อนทำการขอตรวจค้นในรถพบไอซ์ชนิดเกล็ดใสบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสน้ำหนักรวมประมาณ 96.70 กรัม และยาบ้าบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกชนิดกดปิดเปิด จำนวน 11 ถุง รวมยาบ้า 2,250 เม็ด

หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ควบคุมตัวสองพ่อลูกเพื่อสอบปากคำ โดยนายธนกฤษผู้พ่อได้เสนอเงินสินบนเพื่อให้ปล่อยตัวไม่ให้ถูกจับกุมคดียาเสพติดดังกล่าวจำนวน 2,000,000 บาท (สองล้านบาท) โดยเจ้าหน้าที่แกล้งทำตามยอมรับข้อเสนอดังกล่าว จึงได้นัดหมายนำเงินมามอบให้จนกระทั่งมี นางสาวเขมิกา หรือโบว์ เอี่ยมสะอาด อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นแฟนสาวของนายธนกฤษ ได้ขับรถยนต์เก๋งมาที่บริเวณภายในปั้มน้ำมันพีทีสาขาพ่อตาหินช้าง ถนนเพชรเกษม(ขาขึ้น)พื้นที่หมู่ที่ 6 ตำบลสลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร พร้อมยื่นเงินสดจำนวน 2 ล้านบาทดังกล่าวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงทำการจับกุมพร้อมแจ้งข้อกล่าวหานายธนกฤษและนางสาวเขมิกาว่าร่วมกันให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน เพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่ ตาม ป.อาญา ม.มาตรา 144 และแจ้งข้อกล่าวหานายธนกฤษและนายพีระภัทรร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1(ไอซ์,ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย  พร้อมทั้งตรวจยึดเงินสด 2 ล้านบาทที่นำมาติดสินบน และทรัพย์เพื่อตรวจสอบตาม พ.ร.บ.มาตรการ ฯ คือรถยนต์เก๋ง จำนวน 4 คัน สมุดบัญชีธนาคารออมสิน และบัตรเอทีเอ็มธนาคารออมสินรวมมูลค่าทรัพย์สินอีกประมาณ 1,000,000 บาท ไว้ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.สลุย ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ด้าน พ.ต.อ.ธานี นาคหกวิค ผกก.สืบสวน ภ.จว.ชุมพร หัวหน้าชุดจับกุม เปิดเผยว่าขบวนการค้ายาเสพติดแก๊งนี้เป็นรายใหญ่รายหนึ่งของภาคใต้ โดยใช้พื้นที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นจุดกระจายยาเสพติด และผู้ต้องหาแก๊งนี้ จะมีอิทธิพลและมีเครือข่ายมาก ตั้งแต่จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ไปจนถึง จังหวัดสุราษฎร์ธานี และมีเงินหมุนเวียนอาทิตย์ไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท และเงินที่นำมาเพื่อแลกติดสินบน จำนวน 2 ล้านบาทนั้น ทางผู้ต้องหายอมรับว่าเป็นเงินที่ได้มาจากกาค้ายาเสพติดอีกด้วย.