ด่านความมั่นคงประตูภาคใต้สกัดจับอดีตตำรวจพร้อมเมียและลูกทีมรวม 5 คน รับจ้างขนไอซ์เกือบ 500 กก.มูลค่ากว่า 1,400 ล้าน จากเครือข่าย “เจ้ลาว” ยึดรถขนยาเสพติด รถคุ้มกัน รถนำทาง ใช้ลำเลียงยาเสพติดส่งชายแดนใต้
เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 13 ตุลาคม 63 ที่กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบช.ภ.8 นายธีระ อนันตเสรีวิทยา ผวจ.ชุมพร พล.ต.ต.ถาวร แสงฤทธิ์ ผบก.ภ.จว.ชุมพร พล.ต.เสนีย์ ศรีหิรัญ ผบ.มทบ.44 นายพีระ กาญจนพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 8 พ.ต.อ.ฉลาด พลนาการ ผกก.สภ.บ้านมาบอำมฤต ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าด่านตรวจความมั่นคงประตูภาคใต้(บ้านพละ) พ.ต.อ.ธานี นาคหกวิค ผกก.สส.ภ.จว.ชุมพร พร้อมผู้เกี่ยวข้องทั้งตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง กอ.รมน. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมเครือข่ายแก๊งยาเสพติด รายใหญ่
เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 5 ราย คือ 1.นายวิระ เถาวัลย์ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 123 หมู่ที่ 14 ต.กวางโจ อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ เป็นอดีตตำรวจยกสิบตำรวจตรี 2.นางมาลินี จันทะคัด อายุ 38 ปี เป็นภรรยานายวิระ 3.นายมนตรี เถาว์วัลย์ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 199หมู่ที่ 6 ต.กวางโจ อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับนายวิระ 4.นายกิติพงษ์ แข็งขันท์ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 124 หมู่ที่ 4 ต.ป่าไร่ อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร 5.นายธนาวัฒน์ แพงกันญา อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68 หมู่ที่ 4 ต.ป่าไร่ อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร ดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ ) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2522 ม.4,7,8,15,วรรคสาม(2),66วรรคสาม,102 อัตราโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต และปรับตั้งแต่ 1,000,000-5,000,000 บาท
ตรวจยึดของกลางยาเสพติดประเภท เมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรต์ ชนิดเกล็ดใส หรือ ไอซ์ จำนวน 498 กิโลกรัม ราคากิโลกรัมละ 3 ล้านบาท รวมมูลค่า 1,464 ล้านบาท รถยนต์กระบะโตโยต้า สีขาว ตอนเดียว มีตู้เหล็ก ทะเบียน ฒว-9927 กรุงเทพมหานคร เป็นรถยนต์ขนยาเสพติด, รถยนต์ส่วนบุคคล อีซูซุ รุ่นมิวเซเว่น สีขาว ทะเบียน กร-7114 ขอนแก่น เป็นใช้นำเส้นทาง , รถยนต์กระบะ อีซูซุ สีขาว ตอนครึ่ง ทะเบียน 1ฒบ-1486 กรุงเทพมหานคร เป็นใช้คุ้มกันปิดท้าย รถยนต์กระบะ นิสสัน รุ่นนาวาร่า ตอนครึ่ง สีเทา ทะเบียน 2ฒถ-8231 กรุงเทพมหานคร ตรวจยึดเพิ่มเติมจากการขยายผล พร้อมอายัดเงินสดในบัญชีธนาคารของผู้ต้องหา จำนวนกว่า 3,000,000 บาท
ตรวจยึดของกลางยาเสพติดประเภท เมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรต์ ชนิดเกล็ดใส หรือ ไอซ์ จำนวน 498 กิโลกรัม ราคากิโลกรัมละ 3 ล้านบาท รวมมูลค่า 1,464 ล้านบาท รถยนต์กระบะโตโยต้า สีขาว ตอนเดียว มีตู้เหล็ก ทะเบียน ฒว-9927 กรุงเทพมหานคร เป็นรถยนต์ขนยาเสพติด, รถยนต์ส่วนบุคคล อีซูซุ รุ่นมิวเซเว่น สีขาว ทะเบียน กร-7114 ขอนแก่น เป็นใช้นำเส้นทาง , รถยนต์กระบะ อีซูซุ สีขาว ตอนครึ่ง ทะเบียน 1ฒบ-1486 กรุงเทพมหานคร เป็นใช้คุ้มกันปิดท้าย รถยนต์กระบะ นิสสัน รุ่นนาวาร่า ตอนครึ่ง สีเทา ทะเบียน 2ฒถ-8231 กรุงเทพมหานคร ตรวจยึดเพิ่มเติมจากการขยายผล พร้อมอายัดเงินสดในบัญชีธนาคารของผู้ต้องหา จำนวนกว่า 3,000,000 บาท
พ.ต.อ.ฉลาด พลนาการ ผกก.สภ.บ้านมาบอำมฤต ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าด่านตรวจความมั่นคงประตูภาคใต้(บ้านพละ) เปิดเผยว่า จากการสืบทราบทางด้านการข่าวและวางแผนจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด โดยมีนายวิระ เถาวัลย์ อายุ 51 ปี เป็นอดีตตำรวจยศสิบตำรวจตรี แต่ลาออกจากราชการนานนับ 10 ปีแล้ว เป็นหัวหน้าแก๊ง ร่วมกับ นางมาลินี จันทะคัด อายุ 38 ปี ภรรยา รับจ้างขนไอซ์ จำนวน 498 กิโลกรัม บริเวณริมแม่น้ำโขงด้าน จ.บึงกาฬ มาจาก “เจ้ลาว” ซึ่งเป็นเอเย่นต์ยาเสพติดรายใหญ่อยู่ฝั่งประเทศลาว ในราคาเที่ยวละ 1,700,000 บาท โดยจ่ายมัดจำโอนเงินเข้าบัญชีให้ก่อนจำนวน 1 ล้านบาท เพื่อนำยาเสพติดทั้งหมดไปส่งบริเวณชายแดนภาคใต้ด้าน จ.สงขลา
พ.ต.อ.ฉลาดเปิดเผยต่อว่าจากนั้นนายวิระได้ว่าจ้างให้นายมนตรีซึ่งเป็นเครือญาติกันเป็นผู้ขับรถยนต์กระบะโตโยต้า สีขาว ตอนเดียว แบบมีตู้เหล็ก ลักษณะเป็นรถส่งสินค้า ใช้ซุกซ่อนลักลอบขนไอซ์ทั้งหมดเพื่ออำพรางมาในตู้เหล็กหลังกระบะ โดมีนายวิระและนางมาลินี ขับรถยนต์ส่วนบุคคล อีซูซุ รุ่นมิวเซเว่น คอยขับนำเส้นทาง พร้อมกับมี นายกิติพงษ์ และนายธนาวัฒน์ ขับรถยนต์กระบะ อีซูซุ สีขาว ตอนครึ่ง เพื่อใช้เป็นรถคุ้มกันปิดท้ายหลอกล่อเจ้าหน้าที่หาดมีการสกัดจับกุม จนสามารถวางแผนสกัดหลอกล่อแก๊งค้ายาเสพติดทั้งหมดให้เข้ามาจนมุมถูกจับกุมได้ที่ด่านตรวจความมั่นคงดังกล่าว
จากการสอบสวนและตรวจสอบทามไลน์เส้นทางการเดินทางของผู้ต้องหาแก๊งเครือข่าย “เจ้ลาว”นี้ ทราบว่าในห้วง 4 เดือนที่ผ่านมาได้ลักลอบขนกัญชากับไอซ์มาแล้วมากกว่า 10 ครั้ง ได้รับเงินค่าจ้างมากกว่า 10 ล้านบาท เบื้องต้นได้ขยายผลตรวจยึดทรัพย์ได้หลายรายการและขยายผลเตรียมออกหมายจับผู้ต้องหาที่เป็นเครือข่ายอีกหลายราย เพื่อมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.