ฐานชุมพร อาชญากรรม

ช่วย”วาฬเพชรฆาตดำ”โผล่เกยตื้นที่ชุมพร

พบวาฬเพชฌฆาตดำ โตยังไม่เต็มวัย ยาว 4 เมตร หนัก 500 กก.บาดเจ็บหลงทางเกยตื้นหน้าหาดบางเบิดโครงการส่วนพระองค์ เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือส่งกลับสู่ทะเลปลอดภัย แต่ยังติดตามเฝ้าระวัง 24 ชั่วโมง

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 14 พ.ย.63  สมศักดิ์ ชัยวิสิทธิ์ เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน หัวหน้าโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โครงการพัฒนาส่วนพระองค์ จังหวัดชุมพร ได้รับแจ้งจาก นายสมโชค ช่วยประคอง เจ้าหน้าที่โครงการฯ ว่าพบวาฬขนาดใหญ่ลอยมาเกยตื้นดิ้นทุรนทุรายอยู่บริเวณชายหาดบางเบิด หน้าโครงการพัฒนาส่วนพระองค์ ในหลวง ร.9 บ้านน้ำพุ หมู่ที่ 5 ตำบลปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร จากนั้นได้ประสานไปยัง นางสาวทิพยมาศ อุปน้อย ผอ.ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง(ชุมพร) เดินมาพร้อม นางสาวพิมชนก ประจำค่าย นายสัตวแพทย์ฯ ให้มาช่วยเหลือ

จากการตรวจสอบพบว่าเป็นวาฬเพชฌฆาตดำ ยังโตไม่เต็มวัน ยาวประมาณ 4 เมตร หนักกว่า 500 กิโลกรัม โดยมีชาวบ้านจำนวนมากกำลังช่วยเหลือประคับประคองตัววาฬเพชรฆาตดำแช่ไว้ในน้ำเพื่อไม่ให้คลื่นลมที่มีกำลังแรงซัดขึ้นมาเกยบนชายหาด กลัวว่าจะได้รับอันตรายและขาดน้ำจนตายได้  โดยที่โคนหางมีบาดแผลรอยถลอกแต่ไม่ถึงฉกรรจ์มากนัก เจ้าหน้าที่ได้ทำการรักษาเบื้องต้น จากนั้นได้นำวาฬเพชฌฆาตดำใส่ในเปลผ้าใบแล้วช่วยกันนำขึ้นเรือยาง แล้วนำขึ้นบนสาลี่พ่วงใช้รถยนต์กระบะลากนำไปลงที่บริเวณริมอ่าวหน้าหมู่บ้านเกาะเตียบ หมู่ที่ 7 ตำบลปากคลอง อ.ปะทิว ห่างจากจุดเกิดเหตุ ประมาณ 10 กิโลเมตร เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นอ่าว คลื่นลมไม่แรง เพราะมีเกาะอยู่จำนวนหลายเกาะจึงเป็นจุดที่ปลอดภัย

ต่อมาเมื่อถึงบริเวณอ่าวบ้านเกาะเตียบ เจ้าหน้าที่ได้นำวาฬเพชรฆาตดำที่อยู่ในเปลผ้าใบลงไปแช่ประคองไว้ในทะเลห่างจากชายหาดประมาณ 5 เมตร และไม่นานนักวาฬเพชฌฆาตดำตัวดังกล่าวมีอาการฟื้นตัวได้พยายามดิ้นตะเกียกตะกายดิ้นออกจากเปลยาง แล้วว่ายดำผุดดำโผล่ มุ่งหน้าออกไปสู่ทะเลลึกที่มีเกาะเล็กเกาะใหญ่อยู่จำนวนหลายเกาะ สำหรับเป็นที่หลบลมมรสุมได้

เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง(ชุมพร) เปิดเผยว่า วาฬเพชฌฆาตดำ เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เมื่อโตเต็มที่จะมีความยาว 5-6 เมตร หนักมากกว่า 1 ตัน เป็นสัตว์ที่อาศัยหากินอยู่ในทะเลน้ำลึก จัดเป็นสัตว์ป่าสงวนและคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ตัวล่าสุดเพิ่งจะพบที่เกาะสิมิลัน ฝั่งทะเลอันดามัน   ส่วนสาเหตุคาดว่าวาฬเพชรฆาตดำตัวนี้ จะได้รับบาดเจ็บที่หาง ทำให้ว่ายน้ำช้าและหลงฝูง ประกอบกับช่วงนี้เป็นฤดูลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้คลื่นลมที่มีกำลังแรงซัดวาฬเพชฌฆาตดำตัวนี้เข้าเกยตื้นดังกล่าว จึงตองจัดเวรยามชายฝั่งคอยเฝ้าระวังติดตามตรวจสอบตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้วาฬเพชฌฆาตดำถูกคลื่นลมซัดเข้ามาเกยตื้นอีก.