วอนช่วย “น้องเก่ง”วัย 8 ขวบ ตกหลุมถ่านไฟไหม้เท้าขวาตั้งแต่เริ่มหัดเดิน เส้นเอ็นยึดนิ้วหงิกงอ ใส่รองเท้าไปโรงเรียนไม่สะดวก ต้องให้แพทย์เชี่ยวชาญเฉาะทางที่กรุงเทพฯผ่าตัด แต่ครอบครัวรับจ้างกรีดยางมีฐานะยากจน
วันที่ 1 ก.พ.64 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 32/5 หมู่ 11 ตำบลเขาไชยราช อ.ปะทิว จ.ชุมพร หลังรับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ว่า มีเด็กชายวัย 8 ขวบ อยู่กับตาและยาย 2 คน ได้เกิดอุบัติเหตุเดินตกหลุมเผาถ่านตั้งแต่เริ่มหัดเดิน ทำให้เท้าและนิ้วเท้าถูกไฟไหม้จนเส้นเอ็นหงิกงอเดินไม่ปกติ ใส่รองเท้าไปโรงเรียนเดินไม่ค่อยสะดวก ครอบครัวฐานะยากจนรับจ้างกรีดยางพาราเลี้ยงปากท้องไปวันๆไม่มีเงินพาลูกไปผ่าตัดกับแพทย์ผู้เชี่ยวที่โรงพยาบาลในกรุงเทพมหานคร
โดยบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านกั้นด้วยอิฐบล็อกขนาด 4 x 7 เมตร หลังคามุ่งสังกะสีสภาพเก่าขึ้นสนิม ภายในบ้านกั้นเป็น ห้องนอนเล็กๆ 2 ห้องนอน ส่วนข้างบ้านกั้นเพิงทำเป็นห้องครัว ห่างออกไปราว 5 เมตร มีห้องน้ำห้องส้วมหลังเล็กๆทำด้วยอิฐบล็อค อยู่ภายในสวนยางพาราที่เจ้าของที่ดินให้อยู่อาศัย
ผู้สื่อข่าวพบกับ เด็กชายอภิเชษฐ์ หรือน้องเก่ง อินสุรธาน อายุ 8 ขวบ อาศัยอยู่กับตาและยายคือ นายทองสุข รักพันธ์ อายุ 44 ปี นางสายทอง รักพันธ์ อายุ 44 ปี ส่วนผู้เป็นแม่คือ นางสาวลัดดา รักพันธ์ อายุ 24 ปี ที่เพิ่งจะกลับมาจาก จ.ระยอง เมื่อสองเดือนที่ผ่านมาเนื่องจากตกงานเพราะเจ้าของธุรกิจปิดกิจการจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19
สำหรับเด็กชายเด็กชายอภิเชษฐ์ หรือน้องเก่ง เรียนอยู่ชั้น ป.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งในตำบลเขาไชยราช ที่เท้าขวามีร่องรอยถูกไฟไหม้จนถึงแข้ง เนื้อหนังเส้นเอ็นและนิ้วเท้าทั้ง 5 นิ้ว มีลักษณะห่องอขึ้นมาอยู่บนหลังเท้า ทำให้เดินและใส่รองเท้าได้ไม่สะดวกเหมือนคนปกติทั่วไป
นางสาวลัดดา รักพันธ์ แม่น้องเก่งกล่าวว่าปกติลูกชายตนจะอยู่กับตาและยาย ส่วนตนไปรับจ้างทำงานทั่วไปอยู่ที่ จ.ระยอง ส่งเงินมาให้ครอบครัวได้ใช้จ่าย ส่วนตากับยายรับจ้างกรีดยางพารา อาศัยบ้านพักอยู่ภายในสวนยางพาราของเถ้าแก่ ส่วนตนเพิ่งจะกลับมาอยู่บ้านช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกสอง เนื่องจากผู้ว่าจ้างปิดกิจการ จึงต้องกลับมารับจ้างกรีดยางพาราเหมือนเดิม
นางสาวลัดดากล่าวว่า สำหรับลูกชายตนคือน้องเก่งถูกพ่อทิ้งไปตั้งแต่แบะเบาะ และขณะมีอายุได้ราว 1 ขวบ ช่วงนั้นครอบครัวตนรับจ้างกรีดยางพาราอยู่ในพื้นที่ตำบลชุมโค อ.ปะทิว ขณะที่ตนกำลังทำงานสวนอยู่ข้างบ้านพัก ส่วนพ่อและแม่ตนซึ่งเป็นตากับยายของน้องเก่งกำลังทำแปลงปลูกผักสวนครัวอยู่นั้น น้องเก่งซึ่งมีอายุได้ 1 ขวบ พอจะเริ่มหัดเดิน ได้เดินโซเซแบบกึ่งวิ่งไปหายายและตา โดยไม่มีใครสังเกตเห็นแล้วขาข้างขวาก้าวไปเหยียบลงบนหลุมดินเผาถ่านที่เอาไว้ใช้ในครัวเรือน เมื่อตนเห็นจึงวิ่งไปอุ้มขึ้นมาทันทีแล้วรีบพาไปโรงพยาบาลในอำเภอปะทิว รักษาอยู่นานหลายวัน จนแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้
นางสาวลัดดากล่าวต่อว่า หลังออกจากโรงพยาบาลมารักษาตัวที่บ้านช่วงแรกๆแผลที่เท้ามีลักษณะเป็นเยื่อแดงๆใสๆ ส่วนนิ้วเท้าทั้ง 5 นิ้ว ของลูกชายก็ยังยืดตรงเป็นปกติ แต่พอแผลเริ่มหายปรากฏว่าสีผิวหนังเริ่มเปลี่ยนไปเป็นสีคล้ำเส้นเอ็นและนิ้วเท้าทั้ง 5 นิ้ว เริ่มหงิกงอห่อขึ้นไปอยู่บนหลังเท้าตามที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ และลูกก็บ่นว่าเวลาเดินจะเจ็บที่มีปัญหามากคือตอนใส่รองเท้าไปโรงเรียนจะต้องใส่เบอร์ที่ใหญ่กว่าเท้าเพื่อไม่ให้เจ็บและเดินได้ ส่วนการร่วมทำกิจกรรมในโรงเรียนก็ไม่ค่อยสะดวกเหมือนเพื่อนๆ ผู้เป็นยายเคยพาน้องเก่งไปปรึกษาหมอที่อำเภอปะทิว หมอบอกว่าน่าจะผ่าตัดได้แต่จะต้องพาเด็กไปที่โรงพยาบาลในกรุงเทพมหานครที่มีแพทย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ซึ่งครอบครัวตนคงไม่มีปัญญาเพราะฐานะยากจน ซึ่งตอนนี้ก็มีชาวบ้านหลายคนคอยช่วยเหลืออยู่บ้างเพราะสงสารลูกชายตน
สำหรับผู้ที่ต้องการช่วยเหลือสามารถบริจาคสบทบทุนได้โดยตรงที่ชื่อบัญชี นายทองสุข รักพันธ์ เพื่อ เด็กชายอภิเชษฐ์ อินสุรธาน ประเภทบัญชีออมทรัพย์(โครงการ) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.) บัญชีเลขที่ 020107668999 สาขามาบอำมฤต อ.ปะทิว จ.ชุมพร.