ข่าวเด่น ฐานชุมพร

อ้างเป็นทหารสหรัฐแชทจีบสาวใหญ่หลอกโอนเงิน1.6แสนบาท

สาวใหญ่เจ้าของสวนยางแจ้งความหลงกลมิจฉาชีพอ้างเป็นทหารหนุ่มสหรัฐแชทจีบให้เชื่อใจหลอกโอนเงินสูญ 1.6 แสนบาท

เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 27 ก.ย.64 นางแวว นามสมมุติ สาวใหญ่วัย 50 ปี ทำสวนยางพาราพร้อมเพื่อนสาววัย 47 ปี ชาวตำบลทุ่งระยะ อ.สวี จ.ชุมพร นำหลักฐานการพูดคุยผ่านแชทข้อความเฟสบุ๊กบนโทรศัพท์มือถือกับชายหนุ่มฝรั่งต่างชาติรายหนึ่งซึ่งอ้างว่าเป็นนายทหารสหรัฐอเมริกา และหญิงสาวร่วมแก๊ง ที่ร่วมกันหลอกลวงให้โอนเงินจำนวน 160,000 บาท เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.ไพรัตน์ สิงห์พรม รอง สว.(สอบสวน)สภ.สวี จ.ชุมพร ให้ดำเนินคดีกับแก๊งมิจฉาชีพชายหญิงดังกล่าว

นางแวว เล่าว่าได้รู้จักกับฝรั่งหนุ่มต่างชาติอ้างเป็นนายทหารสหรัฐอเมริกาคนหนึ่งหลังมีการติดต่อพูดคุยผ่านแชทข้อความทางเฟสบุ๊กมานานกว่า 1 เดือน โดยได้พูดคุยกันลักษณะจีบกันเชิงชู้สาวพูดจาหยอดคำหวานทุกวันพร้อมกับบอกว่าเป็นทหารสหรัฐอเมริกันประจำอยู่ที่ประเทศซีเรีย และเมื่อสองวันก่อนบอกว่ามีคำสั่งให้ย้ายฐานทัพไปอยู่ในประเทศที่มีการสู้รบกันความรุนแรง แต่เขาไม่มีญาติพี่น้องพ่อแม่ได้เสียชีวิตหมดแล้วเหลือแต่ลูกสาวคนเดียว และบอกอีกว่าจะส่งเงินมาให้เพื่อสร้างบ้านและที่อยู่อาศัยแล้วจะย้ายมาอยู่ด้วยกันที่ประเทศไทย

ชายหนุ่มที่อ้างเป็นทหารสหรัฐอเมริกาบอกว่าได้ส่งเงินมากับกล่องพัสดุแล้วจากต้นทางโดยส่งคลิปวีดีโอภายในบริเวณสนามบินมาให้ดูพร้อมด้วยกล่องพัสดุ และโชว์เงินผ่านเครื่องนับเงินเพื่อให้ตนหลงเชื่อ เมื่อของมาถึงเมืองไทยแล้วจะให้เพื่อนผู้หญิงคนไทยที่รู้จักกันติดต่อสื่อสารเพราะจะได้พูดกันรู้เรื่อง

ต่อมาหญิงสาวคนดังกล่าวได้โทรมาบอกตนว่ามีกล่องพัสดุติดอยู่ที่ด่านสนามบินที่กรุงเทพฯ พราะเจ้าหน้ที่เอกซเรย์พบว่าข้างในเป็นเงินดอลล่าเมื่อแลกเป็นเงินไทยจะมีมูลค่าประมาณ 5-6 ล้านบาท แต่ตามกฎหมายไทยจะต้องเสียภาษีเป็นเงินจำนวน 40,000 บาท และเสียค่าธรรมเนียมอีกจำนวน 120,000 บาท รวมเป็นเงิน 160,000 บาท  โดยตนได้โอนไปให้แล้วจำนวน 100,000 บาท และล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตนเพิ่งจะโอนเงินให้ไปอีก 60,000 บาท จนครบ 160,000 บาท ในชื่อบัญชีนางสาววราภรณ์

หลังจากโอนไปให้ 160,000 บาทแล้วจึงทักถามผู้หญิงตามชื่อในบัญชีธนาคารได้ตอบกลับมาว่าตนจะต้องเสียค่าใช้จ่ายให้ทนายความอีก 250,000 บาท อ้างว่าต้องเอาเงินดอลล่าออกมาจากสถานทูต ตนรู้สึกเอะใจจึงยังไม่ได้โอนให้ และได้ไปปรึกษาเพื่อนบ้านจนรู้ว่าถูกแก๊งมิจฉาชีพหลอกลวงให้สูญเงินแล้วแน่นอนจึงชวนเพื่อนมาแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.สวี ดังกล่าว

ด้าน พ.ต.ท.สายันต์ จันทมาศ รอง ผกก.(สอบสวน)สภ.สวี  ได้กล่าวต่อผู้เสียหายว่าถ้าเจอกรณีแบบนี้สันนิฐานได้เลยว่าเป็นแก๊งมิจฉาชีพโกหกหลอกลวงแน่นอน โดยเฉพาะหลอกเหยื่อผ่านทางโซเชียลมีมากมายและหลายรูปแบบเพราะฉนั้นต้องระมัดระวังให้ดีอย่างเชื่อใครง่ายๆจากข้อมูลทั่วประเทศมีผู้เสียหายลักษณะเดียวกันนี้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ประมาณ 30 คดีต่อเดือน และจะเร่งรวบรุมพยานหลักฐานติดตามจับกุมแก๊งมิจฉาชีพนี้ให้เร็วที่สุด.