ปิดตำนาน “พ.ต.จำนงค์ พิมาน” มือปราบ “ไอ้ด่างบางมุด” จระเข้ยักษ์กินคน แห่งจังหวัดชุมพร เปิดใจลูกชายเหยื่อรายสุดท้ายพ่อถูกคาบลงคลองกลายเป็นศพ
สิ้นตำนานนายทหารมือปราบฆ่า “ไอ้ด่างบางมุด” จระเข้ยักษ์กินคนหลายศพแห่งคลองบางมุด ตำบลนาขา อ.หลังสวน จ.ชุมพร กลายเป็นข่าวโด่งดังและถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ที่มีชาวบ้านแห่ชนจนแน่นขนัดไปทั่วประเทศ เมื่อเวลา 12 .00 น.วันที่ 29 เม.ย.61 โดยนายวัชรินทร์ สุวพิศ ปลัด อบต.สะพลี อ.ปะทิว แจ้งผู้สื่อข่าวว่า ศพของ พ.ต.จำนงค์ พิมาน อายุ 86 ปี เครือญาติตนซึ่งเป็นมือปราบ “ไอ้ด่างบางมุด” ผู้โด่งดังทั่วประเทศไทย ได้เสียชีวิตด้วยโรคชราตั้งศพบำเพ็ญกุศลอยู่ที่วัดบ้านนา ตำบลบ้านนา อ.เมือง จ.ชุมพร จึงเดินทางไปที่วัดดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวพบกับ นายสัณธยา พิมาน อายุ 55 ปี หัวหน้าฝ่ายก่อสร้างและช่างบำรุง อบจ.ชุมพร บุตรชายของ พ.ต.จำนงค์ มือปราบจระเข้ยักษ์ “ไอ้ด่างบางมุด” เปิดเผยว่า พ.ต.จำนงค์ อายุ 86 ปี บิดาตนเสียชีวิตด้วยโรคชราเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2561 ตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่วัดครบ 7 วันแล้ว จะทำการฌาปนกิจศพในวันพรุ่งนี้(30 เม.ย.61 ) บิดาตนอดีตเคยไปรบในสงครามเวียดนาม และครั้งสุดท้ายพ่อเป็นทหารยศสิบเอกไปรบกับกองกำลังคอมมิวนิสต์ที่ภูเขาช่องช้าง จ.สุราษฏร์ธานี บิดาตนโดนระเบิดร่างลอยกระเด็นมีทหารเสียชีวิต 5 ศพ ส่วนบิดาตนได้รับบาดเจ็บที่ผ่าเท้าทั้ง 2 ข้าง และแพทย์ต้องตัดขาขวาทิ้ง เป็นคนพิการและได้รับเลื่อนยศเป็น พ.ต.จำนงค์ พิมาน แล้วปลดประจำการเป็นทหารผ่านศึก กลับมาอยู่บ้านกับครอบครัวจนวาระสุดท้ายเสียชีวิตด้วยโรคชรา
นายสัณธยากล่าวว่า ช่วงปี พ.ศ.2507 ที่บิดาตนไล่ล่าฆ่า “ไอ้ด่างบางมุด” จระเข้ยักษ์กินคนจนเป็นข่าวใหญ่โตในช่วงนั้น และได้นำเรื่องราวไปสร้างเป็นภาพยนตร์ฉายไปทั่วประเทศ กลายตำนานที่ยังเล่าขานมาจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 54 ปีแล้ว ซึ่งตอนนั้นตนยังเป็นเด็กเล็กอยู่ วันนี้ท่านได้จากไปแล้วตนรู้สึกภูมิใจในตัวท่านมากที่เป็นวีระบุรุษมือปราบจระเข้ยักษ์ไอ้ด่างบางมุดได้สำเร็จ ทำให้ชาวบ้านไม่ต้องมาตายเพราะถูกจระเข้กินและทำร้ายอีก
นางสังวาลย์ พิมาน อายุ 81 ปี ภรรยาของ พ.ต.จำนงค์ กล่าวว่าสามีจะรักตนและครอบครัวมาก ส่วนวันที่ไปตามล่า “ไอ้ด่าง บางมุด” พ.ต.จำนงค์ได้ชวนหลานชายออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า หลังจากนั้นก็มารู้อีกทีว่าสามีได้ฆ่า “ไอ้ด่างบางมุด” ตายไปแล้ว ทุกครั้งที่สามีตนออกศึกเขาจะเชื่อในเรื่องโชคลางของขลัง ต้องห้อยพระเกจิดังและเครื่องรางของขลังถึง 2 พวงด้วยกัน โดยพระเครื่องและเครื่องรางทั้ง 2 พวงที่ห้อยคออยู่ประจำนั้นได้ขาดหายไปในช่วงที่ พ.ต.จำนงค์ซึ่งขณะนั้นมียศสิบเอกไปออกศึกสู้รบกับคอมมิวนิสต์ที่เขาช่องช้าง จ.สุราษฏร์ธานี แล้วโดนระเบิดร่างลอยกระเด็กจนสร้อยคอทั้ง 2 เส้นขาดหายไป ซึ่งตัวเองได้รับบาดเจ็บที่ขาและต้องตัดขาขวาในเวลาต่อมา ส่วนเพื่อนทหารเสียชีวิตไปหลายนาย
ด้าน นายเสมา พิมาน อายุ 69 ปี ลูกชายเหยื่อ “ไอ้ด่างบางมุด” รายสุดท้ายกล่าวว่า บิดาตนชื่อนายซ้วน พิมาน เป็นพี่ชายของ พ.ต.จำนงค์ พิมาน มือปราบไอ้ด่างบางมุด ซึ่งบิดาตนเป็นเหยื่อรายสุดท้ายที่ถูกไอ้ด่างบางมุดฆ่าและลากร่างลงไปในคลอง เนื่องจากวันนั้นบิดาคนเดินทางกลับบ้านมืด เมื่อมาถึงสะพานซึ่งเป็นสะพานไม้มีแคบๆข้ามคลองและถูกน้ำท่วมขังถึงเข่าเพราะฝนตกน้ำหลาก ขณะเดินข้ามมาถึงกลางสะพานได้ถูกไอ้ด่างจู่โจมกัดที่ขาแล้วลากลงไปในคลอง ต่อมาญาติๆและชาวบ้านตามหาพบศพถูกกัดลากไปขัดไว้กับรากไม้ใต้น้ำมีบาดแผลถูกกัดหลายจุด ต่อมา ส.อ.จำนงค์ ยศขณะนั้น เป็นทหารอยู่ในค่ายเขตอุดมศักดิ์ จังหวัดทหารบกชุมพร ซึ่งเป็นน้องชายของนายซ้วนผู้ตาย ได้พาหลานชายและเพื่อนทหารออกไล่ล่า “ไอ้ด่างบางมุด” จนพบตัวแล้วใช้ระบิดปาใส่ ลูกแรกพลาดเพาะมันไหวตัวหลบไปได้ แต่เจอซ้ำลูกที่ 2 ทำให้มันจบชีวิตลงจนปิดตำนานเพชฌฆาต “ไอ้ด่างบางมุด” ที่ชาวบ้านหวาดกลัวอย่างมากในยุคนั้นได้ในที่สุด
สำหรับประวัติ “ไอ้ด่างบางมุด” จระเข้ยักษ์กินคนแห่งคลองบางมุด ตำบลนาขา อ.หลังสวน จ.ชุมพร มันออกอาละวาดทำร้ายและกินมนุษย์มาแล้วไม่น้อยกว่า 6 ศพ ในช่วงปี พ.ศ.2507 มันอาศัยกบดานอยู่ในคลองบางมุด ตำบลนาขา อ.หลังสวน ซึ่งเป็นคลองใกล้ทะเลเชื่อมต่อหลายท้องที่ จนกลายเป็นที่หวาดกลัวของชาวบ้านอย่างมากและหนังสือพิมพ์ในยุคนั้นได้ลงข่าวพาดหัวใหญ่โต จนมีการตั้งค่าหัวรางวัลนำจับทำให้มีนักล่าจากทั่วสารทิศที่มากด้วยวิชาอาคมเวชมนต์คาถาในยุคนั้น นำอาวุธออกไล่ล่ามันมีทั้งมีด เหล็กแหลม ปืน และระเบิด นับสิบลูกปาใส่มัน แต่ “ไอ้ด่างบางมุด” ก็รอดไปได้ทุกครั้ง ขณะที่นักล่าบางรายต้องกลายเป็นผู้ถูก “ไอ้ด่างบางมุด” ล่ากินเป็นอาหารเสียเองด้วย ยิ่งทำให้ชาวบ้านหวาดกลัวมากขึ้นจนไม่มีใครกล้าออกไปไหนมาไหน
จนกระทั่งวันที่ 20 พ.ย.2507 ส.อ.จำนงค์ พิมาน พร้อมเพื่อนทหารและหลานชาย ได้ออกแกะรอยตามล่าตัวมันถึง 2 วันเต็ม จนรู้วังที่มันใช้กบดานในคลองบางมุด จึงได้ใช้ระเบิด TNT ที่ประกอบใส่ในกระป๋องจุดชนวนหย่อนลงไปในวังที่มันกบดานระเบิดลูกแรกทำงานพลาดเป้าจระเข้ยักษ์รู้ตัวพยายามจะว่ายน้ำหนี แต่ถูก ส.อ.จำนงค์ ปาซ้ำอีกลูกจนมันได้รับบาดเจ็บกระดูกสันหลังหักและสิ้นใจตายในเวลาต่อมา เมื่อนำตัวมันขึ้นมาและผ่าท้องต้องผงะไปตามๆกันเมื่อพบหัวกะโหลกมนุษย์อยู่ในห้องมันถึง 2 หัวด้วยกัน
จากวันนั้นเป็นอันปิดฉาก “ไอ้ด่างบางมุด” จระเข้ยักษ์กินคน จนมาถึงวันนี้เวลาผ่านไปนานถึง 54 ปี เป็นวันปิดตำนาน พ.ต.จำนงค์ พิมาน ผู้พิฆาต “ไอ้ด่างบางมุด” ซึ่งได้เสียชีวิตด้วยโรคชราในวัย 86 ปี